ถึงจะผ่านวันวาเลนไทน์มาแล้ว แต่ช่วงเดือนแห่งความรักที่ผ่านมาทำให้ผมนึกถึงเรื่องรักๆ ในมุมธุรกิจที่อยากจะเขียนถึงสักหน่อยครับ

เรื่องราวที่ว่านี้เป็นเรื่องความรักของผู้หญิงชื่อ Kate Brosnahan กับชายหนุ่มชื่อ Andy Spade

เคท จบนิเทศศาสตร์จาก Arizona State University ระหว่างที่เรียนนี้เองเธอได้พบกับแอนดี้ และทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน

เคทจบการศึกษาก่อนแอนดี้เล็กน้อย และในปี 1985 เธอก็ได้เดินทางแบ็กแพ็กไปท่องเที่ยวยุโรปคนเดียว ก่อนจะบินกลับมาที่นิวยอร์ก แต่เธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อตั๋วกลับไปแอริโซนา จึงตัดสินใจหางานทำที่นิวยอร์ก

ตอนนั้นเธอได้งานที่แผนกแฟชั่นที่ Conde’ Nast เป็นผู้ช่วยในกองถ่าย เธอทำทุกอย่างตั้งแต่ผูกเชือกรองเท้าให้นางแบบ รีดเสื้อผ้า หรือหาขนมให้กับช่างแต่งหน้า

ทำงานได้สักพัก แอนดี้ก็ย้ายมาหาเธอที่นิวยอร์ก โดยเขามีแค่เสื้อหนาวหนึ่งตัว กระเป๋าหนึ่งใบและพอร์ตโฟลิโอของงานโฆษณาที่เขาทำมาตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัย แม้ต้องใช้เวลาสักพัก แต่แอนดี้ก็หางานทำในเอเจนซีโฆษณาจนได้

ส่วนเคทก็ค่อยๆ สะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอได้เป็น Senior Fashion Editor ที่ดูแลเรื่องแอ็กเซสซอรีที่นิตยสาร Mademoiselle

อาชีพการงานของเธอกำลังไปได้สวย

ในค่ำวันหนึ่งขณะที่กำลังทานอาหารกันอยู่ เคทก็พูดขึ้นมาว่าเธอมองไม่เห็นอนาคตตัวเองในสายงานนี้เท่าไร แอนดี้เลยบอกว่า ทำไมไม่ลองมาทำกระเป๋าถือดูละ

เคทหัวเราะพร้อมกับบอกว่า “ที่รัก คุณไม่ได้จะให้ฉันเปิดบริษัทกระเป๋าถือหรอกนะ มันไม่ได้ทำกันง่ายๆ”

แต่แอนดี้ก็บอกว่าทำไมจะไม่ได้ละ มันจะยากแค่ไหนกันเชียว เพราะเคทเองก็ต้องดูแลแอ็กเซสซอรีในการถ่ายงานให้กับนิตยสารอยู่แล้ว ซึ่งหนึ่งในหน้าที่หลักของเธอก็คือการตามหากระเป๋าเพื่อมาถ่ายแบบ

พอได้ฟังแอนดี้พูด เคทเลยคิดว่าเธอก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เพราะ ณ เวลานั้นกระเป๋าถือผู้หญิงที่ขายๆ กันอยู่ในตลาด ดูมีรายละเอียดเยอะและซับซ้อนเกินไป

ส่วนตัวเธอจะชอบถือกระเป๋าแบบเรียบๆ ง่ายๆ ซึ่งไม่ใช่กระเป๋าจากดีไซเนอร์ชื่อดังเลยสักใบ ส่วนใหญ่เธอจะได้มาจากร้านขายของเก่าหรือร้านที่เจ้าของร้านทำเองแค่ไม่กี่ใบ ไม่มีแบรนด์และราคาถูกๆ

ลึกๆ แล้วเธอเองก็อยากทำแบรนด์กระเป๋าที่ดูเรียบๆ เก๋ๆ ออกมาขายเหมือนกัน

และในค่ำวันนั้นในปี 1991 ด้วยแรงสนับสนุนจากคู่รักของเธอ เคทก็ตัดสินใจทิ้งงานที่กำลังรุ่งโรจน์ เพื่อออกมาผจญภัยกับสิ่งที่เธอยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้ไหม

ขอเน้นตรงนี้ไว้ก่อนเลยว่า เคทและแอนดี้ไม่มีใครมีพื้นฐานด้านงานดีไซน์มาก่อนเลยแม้แต่น้อย

ตอนที่เคทลาออกมานั้น แบบกระเป๋าใบแรกของเธอเกิดขึ้นจากการตัดกระดาษออกมาเป็นแพตเทิร์น แล้วติดสก๊อตช์เทปออกมาเป็นรูปกระเป๋า เสร็จแล้วเอาไปให้ช่างเย็บกระเป๋าเย็บโดยเธอไม่มีความรู้เรื่องระบบการผลิตใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนแอนดี้นั้นยังคงทำงานประจำเพื่อเอาเงินมาสนับสนุนกิจการของทั้งคู่

พอถึงเวลาผลิตกระเป๋าจริงๆ ปรากฏว่าไม่มีโรงงานขายผ้าที่ไหนขายผ้าให้เธอต่ำกว่า 100 หลาเลย ซึ่งมันเยอะเกินไปเพราะเธอต้องการแค่ 20-30 หลาเท่านั้น ในที่สุดเธอตัดสินใจตัดกระเป๋าของเธอจากกระสอบที่ใช้ใส่มันฝรั่ง

และนั่นคือกระเป๋าคอลเล็กชันแรกของทั้งคู่

เนื่องจากตอนนั้นทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานกัน เลยตัดสินใจใช้ชื่อต้นของเคท และนามสกุลของแอนดี้เป็นชื่อแบรนด์

รวมกันจึงเป็นจุดกำเนิดที่เรียบง่ายของ Kate Spade

พวกเขาเริ่มต้นจากการไปงานแสดงสินค้าเล็กๆ ซึ่งขายของไม่พอค่าบูธด้วยซ้ำ

ตลอดระยะเวลาการเดินทางของ เคท สเปด ทั้งสองเคยอยู่ในจุดที่ตัดสินใจจะเลิกทำแบรนด์นี้แล้ว เพราะใช้เงินเก็บทั้งหมดไปแล้ว

แต่แอนดี้บอกว่า “อย่าเลิกเลย ถึงแม้เราจะสูญเสียทุกอย่างก็ตาม” เพื่อเป็นกำลังใจให้เคทสู้ต่อ

แม้แต่ครอบครัวของเคทยังไม่เชื่อเลยว่าแบรนด์นี้จะไปถึงไหนได้ เคทเล่าให้ฟังได้ว่าเธอยังโกรธไม่หายเลยที่มีอยู่ปีหนึ่งพวกพี่ๆ ของเธอมาถามเธอว่าเราจะรวมเงินกันซื้อกระเป๋าถือ Gucci ให้แม่เป็นของขวัญวันเกิดดีไหม

ในที่สุดสิ่งที่พวกเขารอคอยก็มาถึง เคท สเปด ได้รับรางวัล CFDA Fashion Awards (Council of Fashion Designers of America) ซึ่งแน่นอนแบรนด์ได้รับความสนใจขึ้นมาอย่างมหาศาล เพราะในยุคนั้นรางวัลนี้ไม่มีแบรนด์เล็กๆ ได้กัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ อย่างเช่น Ralph Lauren, Calvin Klein หรือ Donna Karan

หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มได้ออร์เดอร์จากร้านใหญ่ๆ อย่าง Barneys, Saks และ Neiman Marcus

และทุกอย่างก็ค่อยๆ ขยายตัว จากหนึ่งเมือง เป็นสองเมือง จนเราสามารถเห็น เคท สเปด ได้เกือบทุกเมืองใหญ่ในอเมริกา และในที่สุดก็เกือบทุกเมืองใหญ่ของโลก

เคทและแอนดี้ค่อยๆ ขายหุ้นใน เคท สเปด จนในปี 2007 พวกเขาขายหุ้นจนหมดเพื่อจะได้เอาเวลาไปดูแลลูกสาวอย่างเต็มที่

เมื่อมีผู้ถามให้มองย้อนเวลากลับ อะไรคือปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ทั้งสองสร้างแบรนด์ระดับโลกนี้ขึ้นมาได้ แอนดี้จะตอบว่า

“เราไม่เคยคิดจะทำเป็นธุรกิจเลย เราแค่คุยกันว่า ‘มาทำกระเป๋ากันเถอะ แล้วดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น’”

ทั้งคู่เป็นทั้งพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจและคู่รักที่ครองรักกันอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยเรียน จนวันนี้ก็ 30 กว่าปีแล้ว

อาจจะกล่าวได้ว่าความรักของทั้งคู่ที่มีให้กันและมีให้ เคท สเปด คือสิ่งที่ทำให้แบรนด์เดินมาเป็นโกลบอลแบรนด์แบบวันนี้ได้

ล่าสุดทั้งคู่ได้กลับมาทำงานในวงการแฟชั่นอีกครั้ง เปิดตัวแบรนด์ชื่อ Frances Valentine

ตัวเคทเองก็เปลี่ยนชื่อของตัวเอง โดยตอนนี้เธอมีชื่อเต็มๆ ว่า Katherine Noel Frances Valentine Brosnahan Spade

เรื่องนี้จึงช่างเหมาะกับวันแห่งความรักที่ผ่านมาจริงๆ