รัฐบาลท้องถิ่นในรัฐกรณาฏกะ ทางตอนใต้ของอินเดีย ตัดสินใจสั่งปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วทั้งรัฐเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) ภายหลังสถานการณ์ประท้วงต่อต้านนโยบายห้ามหญิงมุสลิมสวมใส่ฮิญาบหรือผ้าคลุมศีรษะในห้องเรียน เริ่มบานปลายเป็นความรุนแรง และมีการชุมนุมประท้วงขยายวงไปยังหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ
โดยที่นครโกลกาตา มีกลุ่มนักศึกษามุสลิมหลายร้อยคนร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านคำสั่งแบนฮิญาบในชั้นเรียน ซึ่งการประท้วงทวีความรุนแรงและมีการปิดถนน รวมถึงเกิดการปะทะระหว่างกลุ่มนักศึกษามุสลิมกับกลุ่มผู้สนับสนุนคำสั่งแบนของทางการ นอกจากนี้ยังมีการประท้วงเกิดขึ้นในเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น เจนไน และไฮเดอราบาด
ประเด็นการประท้วงเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังกลุ่มนักศึกษาหญิงมุสลิม 6 คน พร้อมใจกันชุมนุมต่อเนื่องนานกว่า 1 สัปดาห์ เพื่อแสดงการต่อต้านหลังจากที่พวกเธอถูกบอกให้ถอดฮิญาบ หรือหยุดเข้าชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งที่เมืองอูดูพี ในรัฐกรณาฏกะ
จากนั้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยอื่นๆ ในรัฐจึงตัดสินใจบังคับใช้นโยบายแบนการสวมฮิญาบในชั้นเรียน หลังมีกลุ่มนักศึกษาฮินดูที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มฮินดูขวาจัดทำการประท้วงโดยแย้งว่า หากอนุญาตให้หญิงมุสลิมสวมใส่ฮิญาบในชั้นเรียน พวกเขาก็ควรได้รับอนุญาตให้สวมผ้าคลุมไหล่สีเหลือง ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของศาสนาฮินดูในระหว่างเข้าเรียนได้เช่นกัน
ซึ่งในวันเสาร์ (5 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นรัฐกรณาฏกะ จึงมีคำสั่งไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า “เสื้อผ้าที่รบกวนความเท่าเทียม กฎหมาย และความสงบเรียบร้อยนั้นไม่ควรมีการสวมใส่”
จากท่าทีดังกล่าวทำให้กลุ่มนักศึกษามุสลิมออกมาโต้แย้งว่า สิทธิในเสรีภาพทางศาสนาของพวกเขากำลังถูกละเมิด และนำประเด็นนี้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงเพื่อขอให้คัดค้านคำสั่งแบนฮิญาบในชั้นเรียน
ขณะที่ประเด็นแบนฮิญาบนี้กลายเป็นที่สนใจจากทั่วโลก ซึ่งเมื่อวันอังคาร (8 กุมภาพันธ์) มาลาลา ยูซาฟไซ นักเคลื่อนไหวเพื่อการศึกษาของเด็กหญิงและผู้ชนะรางวัลโนเบลชาวปากีสถาน ที่รอดชีวิตจากการถูกมือปืนของกลุ่มตาลีบันยิงที่ศีรษะเมื่ออายุ 15 ปี ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อประเด็นนี้ผ่านทางทวิตเตอร์ โดยเรียกร้องผู้นำอินเดียให้เร่งดำเนินการเพื่อยุติการกีดกันที่เกิดขึ้นกับหญิงมุสลิม
“การปฏิเสธที่จะให้เด็กผู้หญิงไปโรงเรียนโดยสวมฮิญาบเป็นเรื่องที่น่ากลัว” เธอกล่าว
ภาพ: Photo by Samir Jana / Hindustan Times via Getty Images
อ้างอิง:
