วันนี้ (20 มีนาคม) ที่อาคารรัฐสภา กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีรัฐบาลไทยนำโดย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ พาสื่อมวลชนเดินทางไปยังเมืองซินเจียง เพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์หลังส่งกลับจีนว่า จริงๆ แล้วไม่อยากจะมีความเห็นกับเรื่องนี้ เพราะไม่เห็นชอบตั้งแต่แรกในการผลักดันกลับ มีหลักฐานอะไรยืนยันความสมัครใจของชาวอุยกูร์บ้าง
“สุดท้ายเป็นเหมือนการตบหัวแล้วไปลูบหลัง ที่บอกว่าเราจะไปเยียวยาเขา จะส่งผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เดินทางไปเยี่ยมเยียน” กัณวีร์กล่าว
กัณวีร์ระบุว่า เมื่อวานนี้ (19 มีนาคม) มี 4 คนที่รองนายกรัฐมนตรีไปพบ 2 คน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไปพบอีก 2 คน ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นการพูดคุยผ่านระบบซูม การกลับไปเยี่ยมเยียนแบบนี้ทุกคนทราบดีแน่ๆ ว่าเป็นรูปแบบอย่างไร ซึ่งพี่น้องชาวอุยกูร์เป็นชาวมุสลิม แต่เมื่อวานนี้ภาพที่ออกมาน่าตกใจพอสมควรที่มีการกอดแขนท่านรองนายกรัฐมนตรี
“โดยผู้หญิงชาวอุยกูร์ที่บอกว่าเป็นคุณแม่ และน้องสาว หรือพี่สาว ตอนที่ผมไปเจอผู้หญิงมุสลิมต้องใส่ฮิญาบ จึงมองว่าไม่สามารถเป็นขนาดนั้นได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นภาพที่ย้อนแย้งกับความเป็นจริง ถ้าบอกว่าความพัฒนาเกิดขึ้นแล้ว ตนเองว่าพี่น้องมุสลิมทั่วโลกคงบอกว่าอันนี้ไม่ใช่การพัฒนาในเชิงศาสนา แต่เป็นการสร้างภาพหรือไม่ ดังนั้นจึงมีอะไรหลายอย่าง และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่แสดงให้เห็นว่ามันไม่จริง”
กัณวีร์ระบุด้วยว่า ข้อกังขาในเวทีระหว่างประเทศไม่ใช่ว่าเขากลับไปแล้วอยู่ดีมีสุขหรือไม่ แต่คือความสมัครใจของพวกเขา รัฐบาลหากจะทำขนาดนี้ในการเดินทางกลับไป ควรเอาหลักฐานออกมาดีกว่าว่าเขาสมัครใจ กลไกที่มามีกระบวนการการพูดคุยระหว่างสถานทูตจีนในประเทศไทย และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มีหลักฐาน รูป และวิดีโอหรือไม่ โดยคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ และคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ถามขอภาพ CCTV แต่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบอกว่าไม่มีอัดไว้ มีแต่เรียลไทม์ ดังนั้นทุกอย่างไม่มีหลักฐาน ซึ่งเป็นข้อกังขาใหญ่
“ผมเสียดายนะ เสียดายในเรื่องภาษีพี่น้องประชาชนที่เอาบินไปประเทศจีน แล้วก็เอาไปหาข้อมูลจดหมายของผม 3 ฉบับ ว่าเป็นจดหมายฉบับจริงหรือไม่ เป็นสิ่งที่ผมว่ามันไม่ควร” กัณวีร์ระบุ
กัณวีร์กล่าวว่า การเดินทางกลับไปถ้าใช้มาตรฐานสากลจริงๆ คือการตัดสินใจรายปัจเจกบุคคล การที่จะบอกว่าคน 2 คน แล้วเป็นของบุคคลทั้งหมด 40 คนนั้นไม่จริง 40 คนตอนนี้อยู่ที่ไหน เราเห็นแค่ 4 คนเท่านั้น เห็นแค่จากรูปถ่ายและวิดีโอ เราไม่สามารถบอกได้ว่าอีก 30 คนไปไหน
“ผมว่าพี่น้องสื่อมวลชนเองก็เหมือนกัน ก็โดนเลือกไปเหมือนกันว่าจะมีใครไปได้บ้าง และหลายคนไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นสิ่งที่ผมมองว่าไม่ตอบโจทย์ จึงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรต่อ” กัณวีร์กล่าว
ส่วนการเดินทางไปในครั้งนี้เพื่อแก้ต่างให้จีนหรือไม่ กัณวีร์มองว่าเป็นการแก้เกม ตนเองเคยอยู่ในแวดวงของความมั่นคงก็รู้ว่าคิดอะไร ทำอะไร และจะทำอะไรต่อไป การโชว์มามันไม่ตอบโจทย์ความเป็นจริง ซึ่งตนเองพยายามจะมองข้ามเรื่องการกลับไปเยี่ยมเยียนครั้งนี้ เพราะว่ารับไม่ได้ตั้งแต่ต้น แต่พอยิ่งกลับไปดูว่าเขาทำอะไรออกมา สร้างภาพอะไรออกมาก็ยิ่งรับไม่ได้
กัณวีร์กล่าวอีกว่า ตอนแรกเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจเตรียมไว้ 3 เรื่อง แต่ตอนนี้เห็นว่าเป็นประเด็นที่มีรายละเอียดเยอะ จึงจะมุ่งเน้นอภิปรายเรื่องอุยกูร์อย่างเดียว 40 นาที นำหลักฐานทั้งหมดมาแสดงให้เห็น หลักฐานต่างๆ ที่บอกว่าเป็นจดหมายผิดซอง คลิปเสียง ภาพ ไทม์ไลน์ต่างๆ ออกมาว่ามันมีข้อกังขาอะไรบ้าง ที่ทำให้ไม่สามารถตอบอย่างชัดเจนได้