กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ ออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ @kalamare กรณีประชาชนตั้งคำถามกับโฆษณาของ Botera ผลิตภัณฑ์ของเธอที่กล่าวอ้างว่ามีลูกค้าซื้อไปทานและหายจากอาการโควิด-19 รวมถึงยังมีการพูดถึงผลิตภัณฑ์นี้ว่าทานแล้วสามารถยกกระชับใบหน้าได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ (18 มกราคม) ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้มีคำสั่งระงับโฆษณาดังกล่าว พร้อมดำเนินมาตรการทางปกครอง และมีหนังสือถึงตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
หลังจากที่กลายเป็นที่พูดถึงในทวิตเตอร์จนขึ้นเทรนด์ #กาละแมร์ จากการเผยแพร่คลิปโฆษณากึ่งรีวิวผลิตภัณฑ์ Botera ของตนที่อวดอ้างสรรพคุณว่าหลังจากทานแล้วใบหน้าจะยกกระชับ จมูกเข้ารูป หรือแม้แต่การพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ทานเข้าไปแล้วสามารถทำให้ผู้บริโภคหายจากอาการโควิด-19 หรือโรคมะเร็ง ซึ่งเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริง โดยในการชี้แจงกรณีนี้ กาละแมร์แจ้งว่าเป็นคลิปโปรโมตที่ตัดมาจากเนื้อหาของการไลฟ์ที่เธอพูดคุยกับแฟนคลับ และลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ชวนกันมาพูดคุยถึงประสบการณ์จริงจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งเธอได้เล่าถึงประสบการณ์จริงและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยไม่ทันได้ระวังในความไม่เหมาะสมของเนื้อหาดังกล่าว
จากความคิดเห็นและความรู้สึกของประชาชน หลายๆ เสียงเองก็ยังตั้งคำถามกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว รวมถึงตัวบุคคลอย่าง กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ เองที่เคยอยู่ในฐานะของสื่อมวลชน ว่าเหตุใดถึงกล้านำผลิตภัณฑ์ของตนมาอวดสรรพคุณเกินจริงได้ ซึ่งในการชี้แจง กาละแมร์ยังย้ำว่าผลลัพธ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยเธอยังขออภัยในความไม่รอบคอบ และจะนำคำแนะนำของทุกคนไปปรับปรุงการทำงานต่อไป
ทางด้านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. โดย ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการออกมากล่าวถึงกรณีนี้ พร้อมยังตักเตือนบุคคลสาธารณะ ทั้งดารา
นักร้อง ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ให้ข้อมูลกับผู้บริโภค เพราะตามกฎหมายระบุชัดเจนว่าผู้พูดต้องรับผิดชอบในเนื้อหาที่พูด หากพูดบรรยายสรรพคุณของผลิตภัณฑ์เกินไปจากความจริงหรือโอ้อวดสรรพคุณทำให้หลงเชื่อหรือคล้อยตาม ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
และกับโฆษณาของผลิตภัณฑ์ Botera นี้ที่กาละแมร์กล่าวว่าสามารถทำให้ ‘กรอบหน้าชัด เหนียงหาย หน้ายก ตาที่เคยหนังตาตกก็เป็นตาสองชั้น รอยขมวดคิ้วหาย ร่องแก้มตื้น จมูกเข้ารูป ย้ำอีกครั้งว่า ไม่เคยทำจมูกอะไรใดๆ ตอนนี้กินแต่ผลิตภัณฑ์ตัวเองเท่านั้น’ ซึ่ง อย. ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์อาหารตัวใดที่สามารถปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือการทำงานของร่างกายได้ตามที่กล่าวอ้าง
อย. ยังได้แจ้งอีกว่า การโฆษณาดังกล่าวเป็นการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณอันเป็นเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร มีโทษตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ
ไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ อย. ได้สั่งระงับการโฆษณา พร้อมดำเนินมาตรการทางปกครอง และมีหนังสือถึงตำรวจกองบังคับกรปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
ก่อนหน้านี้ทาง อย. เองยังเคยดำเนินคดีโฆษณากับ บริษัท พาวเวอร์ชอต จำกัด และ พัชรศรี เบญจมาศ หรือ กาละแมร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ฐานโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาสรรพคุณอาหารอันป็นเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมมาแล้วถึง 7 คดี
คณะกรรมการอาหารและยายังฝากถึงประชาชนในฐานะผู้บริโภค หากพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพโอ้อวดเกินจริงหรือไม่ได้รับความปลอดภัยจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่านทาง Oryor Smart Application หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: