เมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) ศาลสหรัฐฯ มีมติระงับคำสั่งห้ามกลุ่มคนข้ามเพศเข้ารับราชการทหารในกองทัพสหรัฐฯ พร้อมระบุว่า คำสั่งดังกล่าวอาจละเมิดสิทธิของบุคคลกลุ่มนี้ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว (@realDonaldTrump) ระบุว่า คนข้ามเพศจะไม่ได้รับอนุญาตให้สมัครเข้ารับราชการทหารในกองทัพสหรัฐฯ ในทุกตำแหน่ง โดยอ้างถึงเรื่องความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นของกองทัพ
นับว่าเป็นการเปลี่ยนเเนวทางการดำเนินนโยบายอย่างกะทันหันจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ อย่างบารัก โอบามา ได้ตัดสินใจอนุญาตให้คนข้ามเพศเข้ารับราชการในกองทัพได้อย่างเปิดเผย เพื่อทลายอุปสรรคต่างๆ ของพลเมืองอเมริกันที่ต้องการเข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ โดยไม่คำนึงถึงรสนิยมทางเพศหรืออัตลักษณ์ทางเพศของพวกเขา
นโยบายนี้ยังรวมถึงการออกค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยเหลือทหารที่ต้องการจะผ่าตัดแปลงเพศด้วย โดยคนข้ามเพศที่ต้องการจะเข้ารับราชการทหารในกองทัพสหรัฐฯ จะต้องพิสูจน์ให้กองทัพเห็นว่า สามารถใช้ชีวิตกับเพศใหม่ของตนได้อย่างปกติ ตลอดระยะเวลาอย่างน้อย 18 เดือน ซึ่งเดิมทีแผนการทั้งหมดนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ เจมส์ แมตทิส (James Mattis) รมต. กลาโหมสหรัฐฯ จะชะลอเรื่องนี้ออกไปเนื่องจากได้รับคำสั่งโดยตรงจากประธานาธิบดีให้ทบทวนประเด็นนี้อีกครั้ง
เจนิเฟอร์ เลวี หัวหน้าทีมทนายของฝ่ายโจทก์ผู้ร้องทุกข์และหัวหน้ากลุ่มพิทักษ์สิทธิคนข้ามเพศ ระบุว่า “นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญมากและช่วยยืนยันว่า กลุ่มคนข้ามเพศทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้ารับราชการทหารในกองทัพสหรัฐฯ หากพวกเขามีคุณสมบัติถึงเกณฑ์จริง”
มติของศาลสหรัฐฯ ในครั้งนี้นับเป็นการระงับและไม่อนุมัติร่างแผนนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ครั้งล่าสุด ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลเคยระงับ/ชะลอมาตรการห้ามผู้อพยพชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายทางด้านสาธารณสุขและสิ่งเเวดล้อมอื่นๆ มาแล้ว
ทางด้านคณะทำงานของทรัมป์ยืนยันว่า กลุ่มคนข้ามเพศนี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง ความกลมเกลียวกัน ความพร้อมต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นภายในกองทัพ โดยองค์กรอิสระอย่าง Rand Corporation เปิดเผยตัวเลขประมาณการเมื่อปี 2016 ว่า กองทัพสหรัฐฯ มีคนข้ามเพศเข้ารับราชการทหารราว 4,000 นาย ในขณะที่กลุ่มรณรงค์สิทธิของกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศอ้างว่า มีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขนี้อาจสูงกว่า 10,000 คน
Rand Corporation ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า การอนุญาตให้คนข้ามเพศมีสิทธิ์เข้ารับราชการทหาร ตามสิทธิพลเมืองที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของกองทัพสูงถึง 0.13% (ราว 281 ล้านบาท) ในขณะที่บทวิเคราะห์ใน Military Times ชี้ว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้ยังน้อยกว่างบประมาณที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ใช้จ่ายเพื่อซื้อยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศอย่างไวอากร้าถึง 5 เท่าเลยทีเดียว
Photo: AFP
อ้างอิง:
- www.washingtonpost.com/news/wonk/wp/2017/07/26/the-military-spends-five-times-as-much-on-viagra-as-it-would-on-transgender-troops-medical-care/?utm_term=.3cb8dabe9f6a
- www.bbc.com/news/world-us-canada-40740788
- www.usatoday.com/story/news/politics/2017/10/30/court-blocks-trumps-ban-transgender-troops/813907001
- www.reuters.com/article/us-usa-military-transgender/in-defeat-for-trump-judge-blocks-transgender-military-ban-idUSKBN1CZ25E
- www.nytimes.com/2017/10/30/us/military-transgender-ban.html
