×

ปิดฉาก 29 ชั่วโมง แถลงนโยบาย ครม. แพทองธาร ‘ภูมิธรรม’ ตัวแทนรัฐบาลตอกย้ำ จะทำให้คนไทย “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”

โดย THE STANDARD TEAM
14.09.2024
  • LOADING...

การประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ที่มี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตลอด 2 วัน ด้วยจำนวน 29 ชั่วโมง โดยสิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อเวลา 01.10 น. ของวันที่ 14 กันยายน

 

ตลอด 2 วันที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภาทั้ง สส. และ สว. ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีรัฐมนตรีลุกขึ้นชี้แจงอยู่ตลอด สำหรับไฮไลต์การอภิปรายในช่วงท้ายอยู่ที่ดาวสภาของแต่ละฝ่าย พรรคประชาชนส่ง ‘พริษฐ์ วัชรสินธุ’ สส. บัญชีรายชื่อ เป็นผู้อภิปรายจบในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนพรรคเพื่อไทยส่ง ‘สุทิน คลังแสง’ สส. บัญชีรายชื่อ เป็นผู้อภิปรายจบในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล 

 

พริษฐ์ใช้เวลาอภิปรายทั้งสิ้น 45 นาที โดยกล่าวว่า วาระที่เราพิจารณากันตลอดสองวันที่ผ่านมา ไม่ใช่วาระพิจารณานโยบายของรัฐบาลใหม่ที่เข้ามารวมตัวกันหลังการเลือกตั้ง แต่เป็นวาระของการแถลงความคืบหน้าและแผนงานของรัฐบาลเดิมที่ทำงานครบมาแล้ว 1 ปีเต็ม แม้จะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้เปลี่ยนพรรคการเมือง หรือถึงแม้รัฐมนตรีบางกระทรวงจะเปลี่ยนชื่อ แต่รัฐมนตรีหลายคนไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล ขณะที่องค์ประกอบโดยรวมของรัฐบาลยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้มีนัยที่สำคัญแต่อย่างใด 

 

พริษฐ์กล่าวว่า นโยบายเขียนให้สวยหรูเพียงใด หากทำไม่สำเร็จก็ไม่มีทางที่ชีวิตของคนไทยจะดีขึ้น ที่ผ่านมาสามารถทำตามคำแถลงนโยบายเมื่อ 1 ปีที่แล้วหรือไม่ สิ่งที่ดีที่สุดของการคาดการณ์อนาคตคือการศึกษาอดีต อนาคตของรัฐบาลแพทองธารในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน จะเป็นคำตอบในเบื้องต้นได้ 

 

พริษฐ์เปรียบเทียบความแตกต่างของรัฐบาลเศรษฐาและรัฐบาลแพทองธาร เช่น เติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ แต่นโยบายในรัฐบาลเศรษฐาเขียนไว้กว้างๆ เมื่อเข้าสู่รัฐบาลแพทองธารกลับไม่มี ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาททำได้หากเศรษฐกิจโต 5% เมื่อนโยบายดังกล่าวถูกลบออกไปก็เชื่อว่าภายใต้รัฐบาลชุดนี้ เศรษฐกิจจะโตไม่ถึง 5% อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกล่าวถึงนโยบายการกระจายอำนาจท้องถิ่นและสวัสดิการทุกช่องวัยด้วย

 

พริษฐ์มองว่า นโยบายการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลอาจเป็นนโยบายที่รัฐบาลนำประชาชนมาใช้บังหน้า หากนายกรัฐมนตรีต้องการทำรัฐธรรมนูญที่แถลงไว้ คือการทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยและยึดโยงกับประชาชน ขอให้ยืนยันในสภาแห่งนี้ว่า รัฐธรรมนูญโดยประชาชนที่อ้างนั้นจะร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 100% ไม่ใช่ สสร. สูตรผสมที่ประชาชนไม่ได้เลือก 

 

พริษฐ์กล่าวอีกว่า มีความห่วงว่า ครม. จะเป็น ครม. ตัวประกัน ที่จะต้องพบกับอุปสรรคที่ต้องเผชิญกับการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง 1 ปีที่แล้ว พรรคเพื่อไทยตัดขาดกับพวกเราเพื่อวิ่งเข้าหาเครือข่ายอำนาจเก่าและจับมือกันตั้งรัฐบาล ซึ่งอ้างว่าต้องเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อเปลี่ยนแปลงด้านประชาธิปไตย แต่หลังพาตัวเองไปแล้ว อำนาจรัฐที่ได้มาไม่สามารถปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองได้แม้แต่เรื่องเดียว 

 

“คิดว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีกำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่ง หากยังเลือกที่จะวิ่งเข้าหาเครือข่ายอำนาจเดิม โดยเอาอนาคตของประชาชนทุกคนไปแลกกับการรักษาอำนาจของตัวเองหรือประโยชน์ของคนไม่กี่คน อย่าหวังว่าจะได้รับความเห็นใจจากประชาชน”  

 

พริษฐ์กล่าวอีกว่า แม้เครือข่ายอำนาจเก่ายังปรานีไว้ชั่วคราว และหวังจะใช้ท่านมาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างภัยคุกคามใหม่คือพวกผม แต่ก็เชื่อว่าเขาก็อาจไม่เก็บภัยคุกคามเก่าอย่างพวกท่านไว้ด้วยเช่นกัน อำนาจที่มาจากประชาชนก็จะถูกอำนาจที่มาจากการแต่งตั้งโค่นล้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเชื่อมั่นของเราก็จะหดหาย ประเทศชาติและประชาชนก็มีแต่เสียกับเสีย 

 

หากท่านหันหลังให้กับอำนาจเก่าและหันเข้าสู่อำนาจใหม่ มาร่วมมือกับพรรคประชาชนในบางโอกาส บางวาระ เพื่อปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยแบบปกติ ให้อำนาจที่มาจากการเลือกตั้งอยู่เหนืออำนาจที่มาจากการแต่งตั้ง แม้เราจะมีความเห็นต่างในหลายเรื่อง เราก็จะฝ่าฟันเรื่องต่างๆ ได้อย่างแน่นอน 

 

พริษฐ์ทิ้งท้ายโดยฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีว่า เวลาของท่านในการตัดสินใจมีอยู่ไม่มาก ความอดทนของพี่น้องประชาชนมีขีดจำกัด เชื่อว่าในอีก 3 ปีหลังจากนี้ ท่านจะต้องเผชิญกับหลายสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจแทนพวกเราทุกคน ว่าท่านจะทำให้อนาคตข้างหน้าเป็นอนาคตที่อำนาจลงตัว แต่ประชาชนลงเหว หรือเป็นอนาคตที่อำนาจเปลี่ยนผ่านและประเทศชาติเปลี่ยนแปลง ตนได้แต่หวังว่าท่านจะตัดสินใจทุกครั้ง โดยไม่ยอมให้ประโยชน์ส่วนตัวของใครมาอยู่เหนือประโยชน์ส่วนรวมของของประเทศชาติและประชาชน 

 

ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะตัวแทนรัฐบาล กล่าวว่า ขอบคุณประธานและสมาชิกรัฐสภาทุกท่านที่ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี การพิจารณานโยบายของรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกท่านรับฟังข้อเสนอแนะ รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อยู่บนฐานเจตนารมณ์เดียวกับนโยบายต่างๆ

 

ภูมิธรรมกล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลขอให้เชื่อมั่นว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา จะช่วยสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดตามความมุ่งหวังของรัฐบาลและท่านสมาชิกรัฐสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ทุกท่าน

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising