สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เตรียมกล่าวปราศรัยประกาศชัยชนะกับนักข่าว หลังจากที่พรรคเดโมแครตสามารถยืนหยัดฝ่าฟันการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งประวัติศาสตร์มาได้อย่างหวุดหวิด แม้ว่าการนับคะแนนการเลือกตั้งในบางพื้นที่จะยังไม่เสร็จสิ้นดี กระนั้นผลการนับคะแนนล่าสุดก็ทำให้หลายฝ่ายมองว่า การบริหารของประธานาธิบดีไบเดนในช่วงเวลา 2 ปีที่เหลือ มีแนวโน้มเข้าสู่ช่วงเวลายากลำบาก ท่ามกลางความแบ่งแยกในสภาคองเกรส
ทำเนียบขาวรายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯ จะจัดการแถลงข่าวหลังพรรคเดโมแครตได้รับคะแนนเสียงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ไม่ทิ้งห่างจากพรรครีพับลิกันมากนัก โดยที่ปรึกษาอาวุโสของไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวของ CNN ว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสวนทางกับโพลหลายสำนักซึ่งระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะได้เห็น Red Wave หรือคลื่นสีแดงที่ทางรีพับลิกันจะคว้าชัยได้อย่างท่วมท้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะ เศรษฐกิจถดถอย อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด เปิดกลยุทธ์รับมือเน้น Predict-Prepare-Perform
- ‘ไบเดน’ ปัดเศรษฐกิจโลกตกต่ำไม่ได้มาจากดอลลาร์แข็ง แต่มาจากนโยบายที่ผิดพลาดของประเทศอื่น
- ภาระ ‘ผ่อนบ้าน’ อาจเป็นพายุลูกใหม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก เมื่อดอกเบี้ยบ้านแพงสุดรอบ 15 ปี
ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีไบเดนกล่าวชัดเจนว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้พรรคเดโมเครตและสมาชิกในทำเนียบขาวรู้สึกกระตือรือร้นที่จะได้ทำงานต่อ อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าหากพรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ วาระประชุมทางประธานาธิบดีไบเดนและทีมงานน่าจะถูดลดทอนอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ Exit Polls ระบุว่า ประเด็นร้อนหลังการเลือกตั้งที่สภาคองเกรสต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือเรื่องเศรษฐกิจและหลักประกันสุขภาพ ซึ่ง 3 ใน 4 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว ขณะที่ 2 ใน 3 ระบุว่า ราคาพลังงานและเงินเฟ้อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ในขณะนี้ลดลงอย่างหนัก
สำหรับการนับคะแนนล่าสุด สำนักข่าว CNN รายงานว่า พรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าพรรคเดโมแครต หลังจากที่มีคะแนนเสียงเท่ากันที่ 48:48 ในการนับคะแนนช่วงแรก โดยขณะนี้พรรครีพับลิกันมีคะแนนอยู่ที่ 206 ขณะที่พรรคเดโมแครตอยู่ที่ 187 โดยทั้งสองพรรคต้องได้คะแนนมากกว่า 218 เสียงจึงจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้
ด้านวุฒิสภามีรายงานว่า พรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งในวุฒิสภามากกว่าพรรคเดโมแครต โดยอยู่ที่ 49:48 จากจำนวนทั้งสิ้น 100 ที่นั่ง โดยทั้งสองพรรคต้องการมากกว่า 50 ที่นั่งจึงจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา
อย่างไรก็ดี หากพรรคเดโมแครตได้ที่นั่งเพียง 50 ที่นั่งในวุฒิสภา ก็ยังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่าพรรครีพับลิกัน เนื่องจากในกรณีที่มีการลงมติด้วยคะแนนเสียงเท่ากัน 50:50 คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต สามารถลงคะแนนเสียงชี้ขาดในฐานะประธานวุฒิสภา
ทั้งนี้ ยังคงมีการนับคะแนนในหลายรัฐที่สำคัญ โดยยังไม่นับรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการยื่นฟ้องร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง ทำให้การประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการอาจกินเวลาหลายสัปดาห์
อ้างอิง: