วานนี้ (14 มิถุนายน) ทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกาเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีกำหนดเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อปรับความสัมพันธ์ทางการทูตในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกับพี่ใหญ่อย่างซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่รักษาระยะห่างมานานหลายปี เนื่องจากกรณีการลอบสังหาร จามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุ เมื่อปี 2018
โดยทริปดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากที่ไบเดนเดินทางเยือนอิสราเอลเพื่อพบกับ นาฟตาลี เบนเนตต์ นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล รวมถึงเดินทางเยือนเขตเวสต์แบงก์ เพื่อพบกับประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นตัวกลางเริ่มต้นกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศอีกครั้ง
ในครั้งนี้ เครื่องบิน Air Force One จะบินตรงจากอิสราเอลมุ่งหน้าสู่เมืองเจดดาห์ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของซาอุดีอาระเบีย รองจากกรุงริยาด เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งครั้งหนึ่งเส้นทางนี้เคยถูกประกาศแบนหลังจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและบรรดาชาติอาหรับต่างๆ ในตะวันออกกลางเริ่มคุกรุ่นยิ่งขึ้น โดยผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางเข้าพบ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีกับคู่ค้าเก่าที่สำคัญ ทั้งยังเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์มานานเกือบ 80 ปี
แม้หลายฝ่ายจะมองว่าการเดินทางเยือนเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ จะยังดูเหมือนเป็นการลดระดับการเดินทางเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเข้าพบมกุฎราชกุมารแทนกษัตริย์ซัลมานที่มีพระชนมายุ 86 พรรษา และมีปัญหาด้านสุขภาพพลานามัย รวมถึงหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ผู้นำสหรัฐฯ เลี่ยงที่จะพบปะกับผู้นำระดับสูงของซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มีข่าวพัวพันกับการลอบสังหารจามาล คาช็อกกี นักข่าวสายวิพากษ์ราชวงศ์ชาวซาอุ ที่ถูกลอบสังหารในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบีย ในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2018
เนื่องจากมีบริบทแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านพลังงานโลกที่ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากสงครามรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย รวมถึงประเด็นการพัฒนาและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน และความพยายามในการประสานความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียเพื่อเจรจาหยุดยิงวิกฤตในเยเมน จึงทำให้ทางการสหรัฐฯ ปรับท่าทีในท้ายที่สุด โดยผู้นำสหรัฐฯ จะเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) ทั้ง 6 ประเทศสมาชิก รวมถึงผู้นำของอียิปต์ จอร์แดน และอิรัก เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
โดยครั้งนี้จะเป็นการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของผู้นำสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางเยือนในปี 2017 และเป็นการเดินทางเยือนเมืองเจดดาห์ ไม่ใช่กรุงริยาดครั้งแรกในรอบกว่า 3 ทศวรรษ นับตั้งแต่ จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยเดินทางเยือนเมืองดังกล่าวในช่วงปลายปี 1990
ขณะที่บรรดากลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนต่างประณามแผนการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ของไบเดน หลังจากพวกเขารู้สึกราวกับถูกหักหลังจากกรณีการลอบสังหารจามาล คาช็อกกี ที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้รับความเป็นธรรม
ภาพ: Chip Somodevilla / Getty Images
Royal Court of Saudi Arabia / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
