ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ เปิดฉากทริปเยือน 3 ประเทศยุโรป ระหว่างวันที่ 9-13 กรกฎาคม โดยเดินทางออกจากฐานทัพอากาศโดเวอร์ รัฐเดลาแวร์ ไปถึงกรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นจุดหมายแรกเมื่อช่วงสายวานนี้ (9 กรกฎาคม)
กำหนดการสำคัญของผู้นำสหรัฐฯ ในการเยือนสหราชอาณาจักรครั้งนี้ คือการเข้าเฝ้าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยทำเนียบขาวเปิดเผยว่าจะมีการพูดคุยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสิ่งแวดล้อม
ขณะที่วันนี้ (10 กรกฎาคม) ไบเดนมีกำหนดการพบปะกับ ริชิ ซูนัค นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ที่ทำเนียบหมายเลข 10 ถนนดาวนิง ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือกันในหลายประเด็นสำคัญ รวมถึงเรื่องสงครามในยูเครน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าไบเดนและซูนัคจะพูดคุยกันถึงประเด็นที่สหรัฐฯ เตรียมส่งระเบิดลูกปรายซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามอันตรายให้ยูเครนหรือไม่ ซึ่งสหราชอาณาจักรเป็น 1 ใน 123 ประเทศที่ร่วมลงนามในข้อตกลงอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปรายของสหประชาชาติ (UN) ที่ห้ามการใช้ ครอบครอง ผลิต ขนย้าย และกักตุนอาวุธประเภทนี้
ภายหลังการเยือนสหราชอาณาจักร ไบเดนจะเดินทางต่อไปยังกรุงวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ NATO ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของทริปยุโรปครั้งนี้
โดยประเด็นหลักที่ถูกจับตามอง คาดว่าเป็นการหารือกับพันธมิตรชาติตะวันตกในการช่วยเหลือยูเครนรับมือรัสเซีย และใช้การประชุมกดดันตุรกีให้ยับยั้งความพยายามคัดค้านการเข้าเป็นสมาชิก NATO ของสวีเดน
ขณะที่ไบเดนจะปิดฉากทริปยุโรปด้วยการไปเยือนกรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์ ซึ่งเป็นชาติสมาชิกล่าสุดของ NATO เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศนอร์ดิก โดยถือเป็นการเยือนกรุงเฮลซิงกิครั้งแรกของไบเดน ในฐานะผู้นำสหรัฐฯ หลังจากที่เมื่อปี 2018 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีในขณะนั้น ได้จัดการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย
ภาพ: Joe Giddens / PA Images via Getty Images
อ้างอิง:
