ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (10 สิงหาคม) ยืนยันว่าเขาไม่เสียใจต่อการตัดสินใจถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน หลังกลุ่มตาลีบันเดินหน้ารุกคืบเข้ายึดเมืองเอกของจังหวัดต่างๆ แล้ว 8 แห่ง จากทั้งหมด 34 แห่งทั่วประเทศ ภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน
การถอนกำลังทหารของสหรัฐฯ และกองกำลังผสมนานาชาติ หลังจากที่ปฏิบัติภารกิจสงครามในอัฟกานิสถานมายาวนานกว่า 20 ปี ส่งผลให้สถานการณ์ความรุนแรงในหลายพื้นที่ของอัฟกานิสถานขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จากความพยายามรุกคืบเพื่อยึดครองเมืองต่างๆ ของกลุ่มตาลีบัน ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตจากการสู้รบในช่วงเดือนที่ผ่านมามากกว่า 1,000 คน
ขณะที่ไบเดนเรียกร้องให้ผู้นำทางการเมืองของอัฟกานิสถานร่วมมือกันต่อสู้เพื่อประเทศชาติ พร้อมยืนยันคำมั่นที่ให้ไว้ต่อรัฐบาลอัฟกานิสถาน ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนการโจมตีทางอากาศ การจ่ายเงินเดือนทหาร และสนับสนุนอาหารและอุปกรณ์ต่างๆ แก่กองทัพอัฟกานิสถาน แต่ย้ำว่า “พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อตัวเขาเอง”
ทั้งนี้ เมืองฟาราห์ เมืองเอกของจังหวัดฟาราห์ทางภาคตะวันตก และเมืองปูลอีคุมรี เมืองเอกของจังหวัดแบกห์ลันที่อยู่ห่างจากกรุงคาบูลราว 200 กิโลเมตร เป็น 2 เมืองเอกล่าสุดที่ถูกกลุ่มตาลีบันบุกเข้ายึดครองเมื่อวานนี้ โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในปูลอีคุมรียืนยันว่านักรบของตาลีบันได้เข้าปักธงที่จตุรัสใจกลางเมืองและสำนักงานผู้ว่าราชการ
ซึ่งการสู้รบยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศ ท่ามกลางความพยายามของกองทัพอัฟกานิสถานและกองทัพสหรัฐฯ ที่ส่งเครื่องบินรบปฏิบัติการโจมตีทางอากาศตอบโต้ ขณะที่กลุ่มตาลีบันปฏิเสธเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับฝ่ายรัฐบาล
ผลจากการสู้รบยังทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพหนีตาย ส่วนบรรยากาศในบางเมืองที่ถูกตาลีบันเข้ายึดครอง ตอนนี้เริ่มมีร้านค้ากลับมาเปิดและประชาชนบางส่วนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แม้จะยังคงมีความหวาดกลัว โดยกลุ่มตาลีบันพุ่งเป้าโจมตีไปที่กองกำลังทหารของฝ่ายรัฐบาลมากกว่าการเข้าควบคุมประชาชน
ภาพ: Kent Nishimura / Los Angeles Times via Getty Images
อ้างอิง:
