ตั้งแต่ปี 2014 เจสสิก้า จอง ได้เซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์ Simon Pulse สำหรับหนังสือ 2 เล่มในหมวดวรรณกรรมเยาวชน และล่าสุดเธอได้ปล่อยหนังสือเล่มแรก Shine ในเวอร์ชันภาษาเกาหลี รวมไปถึงฉบับแปลภาษาอังกฤษออกมาแล้ว โดยหนังสือเล่มนี้ได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากคนทั่วโลก การันตีด้วยการติดอันดับ 5 หนังสือขายดีของ The New York Times
Shine เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวชีวิตของสาวลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน ‘เรเชล’ พร้อมเพื่อนพ้อง บนเส้นทางสู่การเดบิวต์เป็นไอดอลของเกาหลีใต้ ดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของเรเชลที่เริ่มเป็น Trainee หรือศิลปินฝึกหัด ในสังกัด DB บริษัทใหญ่ยักษ์แห่งวงการบันเทิงตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเด็กฝึกหัดทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่ฝึกซ้อม 7 วันต่อสัปดาห์ วันละ 18 ชั่วโมง, สมบูรณ์แบบทุกวินาที, ห้ามออกเดต, ควบคุมน้ำหนักตลอดเวลา รวมถึงห้ามใช้โซเชียลมีเดียโดยสิ้นเชิง หลังจากที่ได้ใช้เวลาอยู่ในวงการบันเทิง เธอก็ค่อยๆ เรียนรู้ว่าบริษัทนั้นควบคุมชีวิตและความอิสระรอบด้าน และยังกอบโกยจากเธอพร้อมเพื่อนไอดอลมากมายเพียงไหน สาวน้อยคนนี้เลยตั้งใจลุกขึ้นสู้กับระบบสัญญาทาสนี้ แต่เรื่องราวก็ซับซ้อนมากขึ้น เมื่อเธอตกหลุมรักกับเพื่อนในสังกัดเดียวกัน ศึกครั้งนี้เธอจะชนะหรือแพ้ยับเยิน มีแต่ผู้อ่านเท่านั้นที่รู้
หนังสือ Shine เน้นย้ำถึงประเด็นเบื้องลึกเบื้องหลังของวงการเคป๊อป โดยเฉพาะประเด็นของการฝึกฝนเด็กอย่างเข้มข้นเพื่อพัฒนาเป็นไอดอลที่เพอร์เฟกต์ ทั้งด้านบุคลิกภาพ, ภาพลักษณ์, รูปลักษณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า, ความสามารถในการแสดงทั้งร้องและเต้น ก่อนที่จะทอดทิ้งเหล่าไอดอลตามอายุงานราวกับพวกเขาเป็นหุ่นยนต์เครื่องจักร โดยแฟนๆ ต่างคาดเดากันว่าหนังสือเล่มนี้อาจเขียนขึ้นจากประสบการณ์ตรงของเจสสิก้า เพราะเนื้อหาในหนังสือนั้นใกล้เคียงกับชีวิตของเธอ เช่น พื้นเพของทั้งสองที่ย้ายถิ่นฐานมาจากสหรัฐอเมริกาเพื่อตามหาความฝันตั้งแต่อายุ 11 ปี ซึ่งเจสสิก้าเองก็ยอมรับว่าเธอนำเรื่องราวชีวิตตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดของตัวเองมาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเล่มนี้ แต่ส่วนไหนจริงและส่วนไหนที่แต่งขึ้นนั้น เธอให้ผู้อ่านเป็นคนตัดสินใจเอาเอง
เจสสิก้าให้สัมภาษณ์ผ่าน Time ถึงเหตุผลที่เธอเลือกเล่าเรื่องราวของเรเชลตั้งแต่ที่เธอเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายเพลง เป็นเพราะเธออยากให้ผู้คนรับรู้ถึงเบื้องหลังว่า กว่าจะได้เดบิวต์เป็นไอดอลและสร้างชื่อให้คนจดจำมันต้องแลกด้วยความอดทนและความพยายามมากเพียงไหน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมองเห็นแต่ภาพที่สวยงามหรือการแสดงที่เพอร์เฟกต์ของเหล่าไอดอลเท่านั้น และเธอคือผู้มีประสบการณ์โดยตรงที่อยากจะย้ำเตือนให้ผู้คนตระหนักถึงการทำงานที่หนักหน่วงและสิ่งที่ต้องแลกมาของพวกเขา โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การแข่งขันเพื่อแจ้งเกิดในวงการเคป๊อปโหดกว่าเก่า เพราะวงอย่าง BTS และ BLACKPINK ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเพลงเกาหลีสูงขึ้นเรื่อยๆ เจสสิก้ายังเผยอีกว่า แม้เวลาที่เธอเป็นเด็กฝึกจะผ่านมาหลายสิบปี แต่กฎเกณฑ์ต่างๆ ของเด็กฝึกหัดนั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ถึงแม้หลายๆ สังกัดจะพยายามคำนึงถึงความรู้สึกของเด็กฝึกหัดมากขึ้นก็ตาม
ถึงแม้อุตสาหกรรมเคป๊อปจะเติบโตและได้รับการยอมรับไปทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปัจจุบันการที่เราได้เห็นศิลปินเกาหลีบนเวทีใหญ่ๆ อย่าง Grammy Awards, Billboard Music Awards, เทศกาล Coachella หรือการเห็นวงไอดอลเกาหลีร่วมงานกับศิลปินดังระดับโลกจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ผู้คนก็ยังวิพากษ์วิจารณ์ถึงเบื้องหลังวงการเคป๊อปอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของการควบคุมน้ำหนักอันเข้มงวดและสุดโต่ง ประเด็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมระหว่างค่ายเพลงและตัวไอดอล หรือสิ่งที่เห็นได้ชัดคือการที่เห็นเหล่าไอดอลทำงานหนักเกินไปจนชินตา
บางทีแฟนๆ ก็เกิดคำถามว่า ไอดอลได้มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงการโปรโมตเพลงที่วงส่วนใหญ่จะต้องขึ้นโชว์ตามรายการต่างๆ สัปดาห์ละหลายหน ซึ่งต้องใช้เวลาเตรียมตัวก่อนขึ้นแสดงหลายชั่วโมง พร้อมกับการออกเดินทางไปทัวร์ทั่วโลกสำหรับอัลบั้มนั้นๆ ซึ่งหมายความว่าศิลปินเกาหลีเหล่านี้จะต้องบินข้ามประเทศไปมาในช่วงเดียวกันตลอดระยะเวลาในการโปรโมตอัลบั้มใหม่
นักร้องหลายคนได้รับบาดเจ็บจากการแสดงหรือมีปัญหาสุขภาพแต่ก็ต้องขึ้นแสดงอยู่ดี ซึ่งน้องสาวแท้ๆ ของเจสสิก้าอย่าง คริสตัล จอง ก็เป็นคนหนึ่งที่หมดสติกลางเวทีขณะที่กำลังแสดงอยู่หลายต่อหลายครั้ง ประเด็นที่ว่าไอดอลทั้งหลายต้องใช้ชีวิตภายใต้กฎเกณฑ์และแรงกดดันมหาศาลจากทั้งค่ายเพลง แอนตี้แฟน หรือแม้แต่จากตัวแฟนคลับเอง จนมีคนตั้งข้อสงสัยว่า นี่คือการคุกคามชีวิตของพวกเขาอย่างหนึ่งหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ไอดอลหลายคนตัดสินใจลาจากโลกนี้ไปหรือไม่ หนังสือ Shine ของเจสสิก้าอาจทำให้เราเข้าใจวงการเคป๊อปมากขึ้น เพราะเธอเขียนอย่างลึกซึ้งตรงไปตรงมา และสิ่งที่เธอถ่ายทอดออกมานั้นเป็นอีกมุมมองที่แตกต่างไปจากภาพลักษณ์ของวงการบันเทิงเกาหลีที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ
สำหรับคนที่สนใจเรื่องราวหลังม่านของวงการเคป๊อป หนังสือ Shine ของ เจสสิก้า จอง มีวางจำหน่ายแล้วในเว็บไซต์ Amazon และร้านหนังสือชั้นนำในบ้านเรา อาทิ Asiabooks และ Kinokuniya ส่วนเวอร์ชันภาษาไทยนั้นจะตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มูกุงฮวา เร็วๆ นี้ พร้อมกับอีกหลายประเทศ ซึ่งนอกจากนี้ทาง Entertainment Weekly รายงานว่า หนังสือ Shine กำลังอยู่ในขั้นตอนพัฒนากับบริษัท ACE Entertainment ที่อยู่เบื้องหลังเรื่อง To All the Boys I’ve Love ที่ฉายทาง Netflix และทางทีมสำนักพิมพ์กับตัวเจสสิก้านั้นก็เริ่มลงมือเขียนหนังสือภาคต่อของเล่มนี้แล้ว โดยเล่มต่อไปจะเล่าถึงตอนที่เรเชลประสบความสำเร็จขั้นสูงสุดในฐานะไอดอล
เจสสิก้า จอง เกิดที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ก่อนจะย้ายกลับมาอยู่เกาหลีใต้เมื่ออายุ 11 ปี และเริ่มต้นเป็นเด็กฝึกหัดภายใต้สังกัด SM Entertainment ทันที โดยเธอใช้เวลาฝึกฝน 7 ปี 6 เดือนก่อนจะได้เดบิวต์ในนาม Girls’ Generation ปัจจุบันเจสสิก้าเป็นศิลปินภายใต้สังกัด Coridel Entertainment และดูแลแบรนด์แฟชั่น Blanc & Eclare ของเธอ
ภาพ: Edward Berthelot / Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://time.com/5892708/jessica-jung-shine-interview/
- https://ew.com/books/2020/01/29/shine-jessica-jung-book-preview/
- https://ew.com/books/2019/10/10/jessica-jung-ya-novel-shine/
- https://www.theguardian.com/global/2020/mar/29/behind-k-pops-perfect-smiles-and-dance-routines-are-tales-of-sexism-and-abuse
- https://www.soompi.com/article/1430216wpp/jessicas-debut-novel-shine-makes-new-york-times-best-sellers-list
- https://www.soompi.com/article/1358135wpp/jessica-to-release-debut-novel-about-k-pop-idol-trainee-movie-already-in-the-works