ใจฟูสตอรี่ คือภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้เรื่องล่าสุดจากค่าย TAI MAJOR และ M39 ที่ได้ ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ ซึ่งเคยสร้างเสียงหัวเราะแก่ผู้ชมมาแล้วใน ไบค์แมน 1-2 และ อีเรียมซิ่ง (2563) มารับหน้าที่เขียนบทและกำกับ พร้อมด้วย 10 นักแสดงรุ่นใหม่มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวความรักแสนอบอุ่นของคน 5 คู่
ไล่เรียงตั้งแต่ เดี่ยว (พีช-พชร จิราธิวัฒน์) มือเขียนบทสุดเซอร์ที่ต้องมานั่งเขียนบทหนังที่โรงพยาบาลในระหว่างรอแม่รักษาตัว จนได้บังเอิญมาพบกับ บัว (มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร) หญิงสาวหน้าตาใสซื่อที่จู่ๆ ก็มาขอเขาอ่านบทเสียอย่างนั้น, เต๋อ (ทิกเกอร์-อชิระ ปานพุ่ม) เด็กหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาๆ ที่กำลังแอบชอบ ชาเย็น (เพียว-เพียวรินทร์ กอศิริวลานนท์) เพื่อนสาวข้างบ้าน แต่เธอกลับได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ, อ๊อต (ชิม่อน-วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์) ไรเดอร์หนุ่มที่ต้องการเอาชนะนักบิดสาวปริศนา (ปั๋น-ดริสา การพจน์) ที่เขาเจอเป็นประจำ
เสือ (ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ) พนักงานร้านสะดวกซื้อที่ดันไปตกหลุมรัก จ๋า (ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล) นางพยาบาลสาว แต่เธอกลับแอบชอบทันตแพทย์สุดหล่อซะอย่างนั้น และ โขม (นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต) ชายหนุ่มที่ต้องกักตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์นาน 14 วัน เขาจึงพนันกับเพื่อนสนิทไว้ว่าจะต้องจีบ จิงจิง (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในตึกตรงข้ามให้สำเร็จโดยห้ามออกจากห้อง
หากมองจากตัวอย่าง ใจฟูสตอรี่ ดูเหมือนจะเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวความรักของคู่รัก 5 คู่ไปพร้อมกันในภาพยนตร์เรื่องเดียว แต่สิ่งที่สร้างความน่าสนใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดีมากๆ คือกลวิธีนำเสนอของผู้กำกับที่ผูกโยงเรื่องราวของคู่รัก 5 คู่ออกมาได้อย่างสร้างสรรค์และชวนติดตาม
กล่าวคือผู้ชมจะได้ไปติดตามเรื่องราวของเดี่ยวที่ต้องเขียนบทหนังรัก 4 เรื่อง และในระหว่างที่บัวกำลังอ่านบทหนัง ตัวภาพยนตร์ก็จะขยายภาพให้เราเห็นว่าบทหนังทั้ง 4 เรื่องของเดี่ยวมีหน้าตาเป็นอย่างไร ใจฟูสตอรี่ จึงเป็นภาพยนตร์ที่มี ‘พล็อตเรื่องหลัก’ คือเรื่องราวการเขียนบทหนังรักของเดี่ยว (ซึ่งเป็นแนวที่เขาไม่ถนัดเอาซะเลย) และมี ‘พล็อตย่อย’ อีก 4 เรื่องที่สอดแทรกเข้ามาระหว่างทาง
ส่วนเนื้อหาของบทหนังทั้ง 4 เรื่องเองก็นำเสนอแง่มุมความรักที่แตกต่างกันไปตามอายุและภูมิหลังของตัวละคร เช่น การแอบรักทางไกลของเต๋อที่ถูกเล่าผ่านกลิ่นอายของหนังรักในวัยเรียน ซึ่งผู้กำกับก็สามารถปรุงแต่งเรื่องราวของพวกเขาออกมาได้อย่างอบอุ่นจนสร้างเสียงหัวเราะและอมยิ้มให้กับเราได้ตลอดทั้งเรื่อง
ซึ่งจุดที่เราชื่นชอบมากๆ คือบทหนังทั้ง 4 เรื่องไม่ได้เล่าเรื่องราวความรักของตัวละครแต่ละคู่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่พาเราไปสำรวจความคิดและทัศนคติของคนเขียนบทอย่างเดี่ยวที่มีต่อ ‘ความรัก’ ในหลากหลายแง่มุม เช่น เดี่ยวมีมุมมองต่อความรักในวัยเรียนอย่างไร หรือมีมุมมองต่อการแอบรักใครสักคนอย่างไร
ขณะที่บทบาทของบัวก็ถูกวางให้เป็นตัวแทนของผู้ชมทั่วไปที่คอยอ่านบทและคอมเมนต์ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเรื่องราวแต่ละเรื่อง อีกทั้งการเรียงลำดับของบทหนังทั้ง 4 เรื่องยังฉายภาพให้เราเห็นถึงความคิดและความรู้สึกของเดี่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปทีละนิดทีละหน่อยอีกด้วย
ขณะเดียวกันแม้ว่าเรื่องราวการเขียนบทของเดี่ยว รวมถึงบทหนังทั้ง 4 เรื่องต่างก็มีเรื่องราวและประเด็นที่ต้องการนำเสนอแตกต่างกันไป แต่เมื่อเราถอยหลังมามองภาพรวมทั้งหมดแล้ว ใจฟูสตอรี่ ดูเหมือนจะมีแกนหลักสำคัญของเรื่องราวที่มีร่วมกันอยู่เช่นกันคือ ‘ความไม่แน่นอนของชีวิต’ ซึ่งดูจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่เราทุกคนคงจะทราบดีอยู่แล้ว แต่บางครั้งเราก็หลงลืมมันไปได้เช่นกัน
ดังนั้นเรื่องราว ‘ความรัก’ ของคน 5 คู่ที่ถูกนำเสนอด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติกคอเมดี้ ไม่ได้ดึงดราม่าจนต้องเสียน้ำตามากนักเช่นนี้ เราก็อาจจะตีความได้ในแง่มุมหนึ่งว่า ใจฟูสตอรี่ กำลังสะกิดเราเบาๆ และกล่าวด้วยท่าทีที่เป็นมิตรว่า อย่าลืมมอบความรักให้กับผู้คนที่เรารัก (หรือกำลังแอบรัก) ในวันที่เรายังทำมันได้ และจงดูแลรักษาความรักเหล่านั้นไว้ให้ดีๆ เพราะเราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าในอนาคตที่มองไม่เห็นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเราหรือคนที่เรารักบ้าง
ในภาพรวมแล้ว ใจฟูสตอรี่ เป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ที่โดดเด่นมากๆ ในแง่ของกลวิธีนำเสนอที่ผูกโยงรื่องราวความรักของคน 5 คู่ออกมาได้อย่างสร้างสรรค์ และอบอวลไปด้วยความอบอุ่นจนทำให้เรา ‘อมยิ้ม’ และ ‘ใจฟู’ ไปพร้อมกับตัวละครอย่างที่ชื่อหนังว่าไว้จริงๆ
ใจฟูสตอรี่ เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
