นับตั้งแต่โลกได้รู้จักโควิด โรคระบาดร้ายแรงนี้ก็เปลี่ยนชีวิตของผู้คนในทุกด้าน โดยเฉพาะชีวิตการทำงาน หลายบริษัทไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ถูกบังคับให้เปลี่ยนระบบการทำงานในชั่วข้ามคืน ให้พนักงานเกือบทั้งหมดต้องทำงานที่บ้าน และเดินทางมาออฟฟิศเมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
แต่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ก็ยังมีข้อดี เพราะโควิดชวนให้พนักงานและบริษัทคิดถึง ‘ความจำเป็น’ ของการเข้าออฟฟิศ เมื่อลองทำงานที่บ้านแล้วพบว่าพวกเขาสามารถหาสมดุลของ Work-Life Balance ได้ดีกว่าออฟฟิศ การทำงานที่บ้านเอื้อให้พนักงานได้มีอิสระ ในขณะเดียวกันก็มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น มากกว่านั้น บริษัทเห็นข้อด้อยของระบบการทำงานแบบเก่า และสามารถสร้างระบบการทำงานที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม
เพราะความยืดหยุ่นคือหัวใจหลัก
Hybrid Work จึงกลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา เพราะระบบการทำงานแบบไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ทำงานที่ไหนก็ได้ จะช่วยให้พนักงานมีอิสระในการแบ่งเวลาชีวิต จากผลสำรวจของ IWG พบว่า 72% ของพนักงานนั้นอยากทำงานกับบริษัทที่ทำงานแบบไฮบริด แม้ว่าบริษัทอื่นๆ ที่บังคับให้เข้าออฟฟิศทุกวันจะให้ค่าจ้างมากกว่าก็ตาม
ระบบการทำงานแบบไฮบริดยังดีต่อบริษัทในแง่ที่ว่า เมื่อพนักงานไม่ต้องเข้าออฟฟิศ บริษัทก็สามารถเซฟค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการใช้ออฟฟิศขนาดใหญ่ เช่น ค่าไฟฟ้า พวกเขายังสามารถเลือกไปเช่าเวิร์กสเปซที่ดีกว่า เล็กกว่า จ่ายน้อยกว่าตามเวลาที่ใช้งานจริง
ผลสำรวจของ Global Workplace Analytics บอกว่า โดยเฉลี่ยแล้วบริษัทที่ใช้ระบบการทำงานแบบไฮบริดสามารถเซฟเงินได้มากถึง 374,500 บาทเลยทีเดียว
FLEXSPACE: พื้นที่ทำงานแห่งอนาคต
ปัจจุบันเราจึงได้เห็นแบรนด์ให้เช่าพื้นที่ทำงานใหม่ๆ ผุดขึ้นมามากมาย หนึ่งในนั้นคือบริการของ IWG แบรนด์พื้นที่ทำงานระดับโลกที่แตกย่อยออกมาเป็น Regus, Spaces และ HQ เปิดให้พนักงานและบริษัทต่างๆ เข้ามาใช้งานกันได้ตามความต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ออฟฟิศส่วนตัวแบบเช่าเป็นรายเดือน หรือต้องการใช้ห้องประชุมเป็นรายชั่วโมง หรืออยากแวะเข้ามานั่งทำงานแบบ Co-Working กับคนอื่น เวิร์กสเปซของ IWG ตอบโจทย์ทั้งหมด ซึ่งนอกจากโต๊ะทำงานและอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีให้อย่างพรั่งพร้อม ที่นี่ยังมีทีมงานคอยช่วยเหลือคนทำงาน ซึ่งนอกจากมืออาชีพแล้วยังเป็นมิตรสุดๆ
สำคัญที่สุด เวิร์กสเปซของ IWG ยังมีมากถึง 3,500 แห่ง ใน 120 ประเทศทั่วโลก โดยในประเทศไทยมี 35 แห่ง ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี และภูเก็ต พูดได้ว่าใกล้ที่ไหนพนักงานก็ไปนั่งทำงานที่นั่นได้เลย
ทำงานที่ไหนก็ได้ในโลก
หนึ่งในลูกค้าของ Regus ที่ประสบความสำเร็จคือ British Airways ซึ่งมีพนักงานทั่วโลกกว่า 45,000 คน และมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก ด้วยงานฝ่ายขายที่ปรับตัวไปตามเทคโนโลยีใหม่ ทำให้พนักงานทำงานจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องผูกติดกับที่ใดที่หนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจึงตระหนักว่าสำนักงานแบบดั้งเดิมไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่บริษัทยังคงมีค่าเช่าที่ที่ต้องจ่ายมากมาย
Regus จึงช่วยเสนอทางออกที่คุ้มค่าให้ ด้วยพื้นที่การทำงานแบบยืดหยุ่นที่สามารถจ่ายตามการใช้งานจริง เฉพาะค่าธรรมเนียมบริการสำนักงานตามการใช้งานจริงของทีมขาย ทำให้ British Airways สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
ทีมขายจึงสามารถใช้ออฟฟิศแห่งไหนก็ได้ในโลก ซึ่งโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้ง นอกจากนี้พนักงานของ Regus ยังช่วยจัดเตรียมการดำเนินการด้านต่างๆ เช่น การรายงานประจำเดือน ตลอดจนเรื่องสัญญาเช่าที่มีหลายภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและช่วยโลกไปพร้อมกัน
เมื่อพนักงานทำงานที่ไหนก็ได้ พวกเขาก็จะจัดการชีวิตของตัวเองได้อย่างมีความสุข จัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดการเงินในกระเป๋า เพราะสามารถเซฟเงินได้จากการเดินทางไปทำงานที่ไกลๆ
มากกว่านั้น ระบบการทำงานแบบไฮบริดยังได้ช่วยโลก เพราะการเดินทางระยะสั้นหมายถึงคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ลดลง สิ่งแวดล้อมก็จะได้รับผลกระทบน้อยลงไปด้วย
คงไม่เกินจริงที่จะพูดว่า ระบบการทำงานแบบไฮบริดที่มีหัวใจสำคัญคือ ‘ความยืดหยุ่น’ เป็นระบบการทำงานแห่งอนาคตจริงๆ
พบกับ 9 โลเคชันใหม่ของ IWG พื้นที่ทำงานที่ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างมืออาชีพและใกล้บ้าน ใน 66 Tower, SV City Tower, Teo Hong Silom Building, Spaces Ratchathewi, Sukhumvit Hills (บางจาก), WHA Tower, Ratchada One, Muangthai Phatra Complex และ Muang Thai Tower A
ดูว่าวิธีการทำงานแบบไฮบริดของ IWG จะช่วยซัพพอร์ตธุรกิจของคุณได้ยังไงที่ iwgplc.com
และหากใครสนใจใช้บริการของ Regus หรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่นี่เลย https://www.regus.com/