วานนี้ (19 มีนาคม) กองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่า ได้ทำการบุกโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซาเป็นครั้งแรกหลังจากที่เดินหน้าการทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศ ภายหลังข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสที่มีมานานกว่า 2 เดือนล้มเหลวลง
โดยอิสราเอลกล่าวหากลุ่มฮามาสว่า ‘ปฏิเสธ’ ที่จะปล่อยตัวประกันหลายต่อหลายครั้งและปฏิเสธข้อเสนอจากผู้ไกล่เกลี่ย ขณะที่กลุ่มฮามาสกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ตัดสินใจล้มเลิกข้อตกลงหยุดยิงเพียงฝ่ายเดียว และทำให้ตัวประกันเสี่ยงต่อชะตากรรมที่ไม่ทราบแน่ชัด
กองทัพอิสราเอลอ้างว่ากองกำลังทหารของตนเริ่มโจมตีภาคพื้นดินทางตอนกลางและตอนใต้ของกาซา เพื่อขยายเขตความปลอดภัยและสร้างเขตกันชนบางส่วน ระหว่างฉนวนกาซาตอนเหนือและตอนใต้
ขณะที่กลุ่มฮามาสชี้ว่า การบุกโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอลที่เกิดขึ้น เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่และอันตราย และยืนยันว่าฮามาสยังคงยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามกับอิสราเอลไปเมื่อเดือนมกราคม
ด้าน มาห์มูด บาซาล โฆษกหน่วยป้องกันพลเรือนในกาซา ชี้ว่า ผลจากการโจมตีของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 คน
โดยก่อนหน้านี้กระทรวงสาธารณสุขในกาซาเปิดเผยว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อต้นสัปดาห์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 400 คน
ทางด้าน อิสราเอล คาตซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ประกาศวานนี้ว่า ฉนวนกาซาจะต้อง ‘ชดใช้ทั้งหมด’ หากตัวประกันชาวอิสราเอลไม่ได้รับการส่งตัวกลับและฮามาสยังคงปกครองในฉนวนกาซา
ภาพ: Amir Cohen / Reuters
อ้างอิง: