เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q64 ของ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ซึ่งคาดว่าจะประกาศในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น IRPC ปรับตัวลง 1.9%MoM สู่ระดับ 4.18 บาท สวนทาง SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 0.7%MoM สู่ระดับ 1,626.27 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่ากำไร 3Q64 ของ IRPC จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 58%YoY สู่ 2.4 พันล้านบาท (แต่ลดลง 46%QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) ที่ฟื้นตัวดีขึ้น YoY อันเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ดีขึ้น และ GRM ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น YoY อย่างไรก็ดี ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลักๆ เริ่มอ่อนตัวลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาสูงและอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง
อัตราการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันใน 3Q64 ของ IRPC จะลดลง 2%QoQ สู่ 88% หรือ 190kbd ใน 3Q64 โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของ High-Performance Residue hydroDesulfurization units (Hyvahl unit) เป็นเวลา 45 วัน โดยหน่วยดังกล่าวทำให้ IRPC สามารถอัปเกรด HSFO เป็น LSFO ก่อนที่จะอัปเกรดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบสำหรับโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์
ดังนั้น การปิดหน่วยดังกล่าวจึงส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นจากการผลิตรวมของบริษัทด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ IRPC จะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงใน 4Q64 ดังนั้น ปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นน่าจะเพิ่มขึ้นกลับสู่ระดับ 195-200kbd
กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) 3Q64 ของ IRPC จะลดลง 18%QoQ สู่ US$12.8/bbl จาก US$15.7/bbl ใน 2Q64 โดยส่วนต่างราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลักๆ (PP, ABS และ PS) ของ IRPC ลดลง 14%QoQ (แม้ว่ายังคงเพิ่มขึ้น 37%YoY) ซึ่งกำลังการผลิตรวมกันของผลิตภัณฑ์สามอย่างนี้คิดเป็นสัดส่วนกว่า 85% ของกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ทั้งหมด
นอกจากนี้ GIM ที่ลดลงยังมีสาเหตุมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ลดลง (-14%QoQ) ด้วย เพราะอุปสงค์ชะลอตัวลงตามฤดูกาล แม้ Market GRM ปรับตัวดีขึ้น QoQ เนื่องจาก Crack Spread ของน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลกว้างขึ้น เราคาดว่า IRPC จะบันทึกกำไรสต๊อกลดลงที่ 2.4 พันล้านบาท หรือเท่ากับ US$4/bbl ลดลงจาก US$6/bbl ใน 2Q64
ด้านแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงาน 4Q64 จะฟื้นตัว QoQ โดยปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่สูงขึ้นเพราะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกำไรใน 4Q64 การดำเนินงานตามปกติของ Upgrading Unit มีแนวโน้มที่จะหนุนให้ GIM ของ IRPC เพิ่มขึ้น โดยเกิดจากผลผลิตผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น Market GIM ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนจาก Crack Spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้ เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น สืบเนื่องมาจากการขาดแคลนอุปทาน จะกดดันให้โรงไฟฟ้าเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแทน
มุมมองระยะยาว:
IRPC มีแผนลดต้นทุนจากโครงการ NOAH ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนได้ปีละ 1.1-1.8 พันล้านบาทในปี 2564-2567 รวมถึงมีแผนรายจ่ายลงทุนระยะ 5 ปี จำนวน 3.63 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นระหว่างปี 2563-2565 โดยจะทำจุดสูงสุดที่ 1.33 เท่า หลังจากนั้นจะปรับตัวลดลงตั้งแต่ปี 2566 เมื่อโครงการ Ultra Clean Fuel แล้วเสร็จ ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะสร้าง EBITDA ได้จำนวน 3.7-4.2 พันล้านบาทตั้งแต่ปี 2567
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP