เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาและอิหร่านยืนยันตรงกันว่า อิหร่านตกลงที่จะจัดหาขีปนาวุธพิสัยกลางและโดรนจำนวนมากให้กับรัสเซีย เพื่อใช้ในปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครน
โดยอิหร่านจะจัดหาขีปนาวุธแบบพื้นสู่พื้นให้กับรัสเซีย เพื่อเติมคลังอาวุธของรัสเซียที่กำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ หลังจากในช่วงที่ผ่านมารัสเซียได้กระหน่ำยิงขีปนาวุธจำนวนมาก เพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าของยูเครนก่อนเข้าฤดูหนาว
ด้าน เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร ได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้น ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงอันตรายรอบใหม่ และได้แบ่งปันข่าวกรองเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของอิหร่าน และหารือเกี่ยวกับการส่งอุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศให้ยูเครน เพื่อช่วยในการสกัดกั้นการโจมตี
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา หลัง โมฮัมหมัด มอกห์เบอร์ รองประธานาธิบดีอิหร่าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโส 2 คนจากกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน และเจ้าหน้าที่จากสภาความมั่นคงแห่งชาติ เดินทางไปเยือนมอสโก เพื่อพูดคุยกับรัสเซียเกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธ โดยนักการทูตอิหร่านรายหนึ่งเปิดเผยว่า รัสเซียต้องการโดรนและขีปนาวุธทิ้งตัวที่มีความแม่นยำ โดยเฉพาะขีปนาวุธในตระกูล Fateh และ Zolfaghar
หนึ่งในโดรนที่อิหร่านตกลงจะจัดหาให้กับรัสเซียนั้นคือ Shahed-136 ซึ่งเป็นโดรนกามิกาเซที่โจมตีจากอากาศสู่พื้น ส่วน Fateh-110 และ Zolfaghar เป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้แบบพื้นสู่พื้นของอิหร่าน สามารถโจมตีเป้าหมายได้ในระยะทางระหว่าง 300-700 กิโลเมตร
ทั้งนี้ นักการทูตของอิหร่านกล่าวว่า การจัดหาอาวุธในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ปี 2558 โดยกล่าวว่า “อาวุธเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้ที่ใดไม่ใช่ปัญหาของผู้ขาย เราไม่ได้เลือกข้างในวิกฤตยูเครนเหมือนชาติตะวันตก เราต้องการให้วิกฤตครั้งนี้ยุติโดยใช้แนวทางทางการทูต”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ความตึงเครียดระหว่างอิหร่าน สหรัฐฯ และชาติมหาอำนาจตะวันตกอื่นๆ ย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมด้วย
แฟ้มภาพ: Vahid Reza Alaei / Iranian Defence Ministry / AFP
อ้างอิง:
