×

เทียบสเปกกล้อง iPhone 13 Pro vs. iPhone 12 Pro คุ้มไหมถ้าจะเปลี่ยน?

07.10.2021
  • LOADING...
iPhone 13 Pro vs. iPhone 12 Pro

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • ความอิ่มของสีจากกล้อง iPhone 13 Pro ที่มากกว่า iPhone 12 Pro ภาพที่ได้จึงมีน้ำหนักมากขึ้น เต็มอิ่มมากขึ้น เห็นถึงรายละเอียดและเท็กซ์เจอร์ของพื้นผิวต่างๆ รวมถึงการซูมที่เราสามารถซูมได้ถึง 15x จากเดิมที่ iPhone 12 Pro ทำได้เพียง 10x เท่านั้น 
  • ของใหม่และความดีงามของ iPhone 13 Pro ได้แก่ การเพิ่มโหมดถ่ายวิดีโอ Cinematic ที่ทำให้คุณสามารถจับภาพวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ สามารถถ่ายวิดีโอแบบมีหน้าชัด-หลังเบลอได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง สามารถเปลี่ยนจุดโฟกัสแรกไปจุดที่สองได้อย่างอัตโนมัติ

 

พรุ่งนี้แล้วที่ iPhone 13 จะวางจำหน่ายเป็นวันแรก สำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจว่าจะเปลี่ยนมาใช้ iPhone รุ่นใหม่ดีไหม วันนี้เราจะเปรียบเทียบให้คุณเห็นถึงความแตกต่าง และสิ่งที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยรุ่นที่เรานำมาเปรียบเทียบกัน ได้แก่ iPhone 13 Pro และ iPhone 12 Pro ที่ถือเป็นมวยรุ่นเดียวกัน และได้รับความนิยมไม่น้อยในบ้านเรา ด้วยขนาดที่มาอย่างเหมาะมือ ไม่ใหญ่เท่า iPhone 13 Pro Max สามารถใช้งานได้ด้วยมือข้างเดียว แต่มีความสามารถที่สูงกว่ารุ่นเล็กอย่าง iPhone 13 และ iPhone 13 Mini รอบด้าน โดยเฉพาะกล้องถ่ายรูป ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้นๆ ที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ และเหล่านี้คือสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนจ่ายเงินซื้อ iPhone 13 Pro

   

(ซ้าย) iPhone 12 Pro (ขวา) iPhone 13 Pro

 

แรง สว่าง อึด กว่าเดิม 

 

 

ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่า iPhone 13 Pro มีจุดไหนที่พัฒนาไปจากเดิมบ้าง เริ่มจากหน้าจอที่ให้มาสว่างกว่ารุ่นก่อนหน้า 25% ความสว่างของหน้าจออยู่ที่ 1,000 Nits ซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อต้องใช้งานในที่แจ้งแดดจ้า เรียกได้ว่าสว่างเอามากๆ ถัดมา ได้แก่ การแสดงผลจอแบบ ProMotion ที่มอบอัตราการแสดงผลเฟรมเรตสูงสุด 120 HZ (เหมือน iPad Pro) จากเดิมอยู่ที่ 60 HZ ส่งผลให้หน้าจอมีความลื่นไหล ไถแล้วสมูทนิ่มยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เล่นเกมหนักๆ ส่วนเรื่องความแรง iPhone 13 Pro ใช้ชิปประมวลผล A15 Bionic ซีพียู 6-Core แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือการ์ดจอ GPU แบบ 5-Core ซึ่งจุดนี้เองที่มีผลกับการประมวลผลกราฟิกที่ทำได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่กล้องทั้ง 3 ตัว ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น แม้จะเป็น 12 MB ทุกตัวเท่าเดิม (เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังว่าดีขึ้นอย่างไรบ้าง) ส่วนแบตเตอรี่ ทาง Apple เคลมว่าสามารถใช้งานได้นานกว่า iPhone 12 Pro ถึงชั่วโมงครึ่ง จึงน่าจะอยู่กับเราได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จระหว่างวันอีก

 

นอกจากนี้ iPhone 13 Pro ยังตัดสีน้ำเงินเข้ม Pacific Blue ออก แล้วแทนที่ด้วยสีใหม่อย่างฟ้าอ่อน Sierra Blue ที่แทบไม่เปลี่ยนดีไซน์ ยกเว้นบริเวณกล้องหน้าที่รอยบากเล็กลง และปุ่มกดแถบข้างที่มีการเปลี่ยนตำแหน่ง ทำให้คุณต้องซื้อเคสใหม่ เพราะเคสรุ่นเก่าใช้กับ iPhone 13 Pro ไม่ได้ แม้จะมีขนาดเท่าเดิมก็ตาม ความใหม่อีกอย่างคือ ความจุเครื่องที่มีตัวเลือก 1TB มาให้ ซึ่งเป็นความจุที่มากที่สุดเท่าที่ iPhone เคยทำมา  

 

หน้าตาที่ต่างกันคือบริเวณกล้องหน้าที่ตัว iPhone 13 Pro (ขวา) มีรอยบากเล็กลง

 

 

กล้อง 12 MB เท่าเดิม แต่ถ่ายภาพได้ดีขึ้น 

 

 

ด้วยของใหม่ที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้หลังจากทดลองใช้ถ่ายภาพนิ่ง เมื่อเทียบกับตัว iPhone 12 Pro แล้ว เราเห็นถึงความต่างบางอย่างที่ดีขึ้น อย่างแรกที่สัมผัสได้คือ ความอิ่มของสีจากกล้อง iPhone 13 Pro ที่มากกว่า iPhone 12 Pro ภาพที่ได้จึงมีน้ำหนักมากขึ้น เต็มอิ่มมากขึ้น เห็นถึงรายละเอียดและเท็กซ์เจอร์ของพื้นผิวต่างๆ ได้ดีขึ้น รวมถึงการซูมที่เราสามารถซูมได้ถึง 15x จากเดิมที่ iPhone 12 Pro ทำได้เพียง 10x เท่านั้น เมื่อเปิดใช้งานการซูม ภาพที่เราเห็นจึงไม่ต่างจากแว่นขยายที่เราสามารถมองเห็นองค์ประกอบเล็กๆ หรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ชัดขึ้น สามารถถ่ายภาพสิ่งที่อยู่ไกลออกไปได้ดีขึ้น เช่น การถ่ายภาพคนบนเวที ที่ทำได้ดีกว่า iPhone 12 Pro

 

 

iPhone 13 Pro (ซ้าย) จะเห็นได้ว่าเลนส์นูนกว่า iPhone 12 Pro (ขวา) ได้อย่างชัดเจน

 

ภาพซ้ายเป็นการถ่ายภาพในห้องเก็บของที่มีแสงน้อย ภาพขวาเป็นการถ่ายภาพระยะใกล้ที่แม้แต่ฝุ่นผงก็ติดมาด้วย

 

ภาพการถ่ายด้วยกล้องหน้า (เครดิตภาพ Apple) 

ภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย (เครดิตภาพ Apple) 

 

ภาพถ่ายระยะใกล้ (เครดิตภาพ Apple) 

 

อันนี้ใหม่! โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Cinematic และ Photographic Styles

 

อีกจุดหนึ่งที่ถือเป็นของใหม่และความดีงามของ iPhone 13 Pro ได้แก่ การเพิ่มโหมดถ่ายวิดีโอ Cinematic ที่จากเดิมในรุ่น iPhone 12 Pro จะมีให้เลือกแค่ Video เท่านั้น ความสามารถของฟีเจอร์นี้คือทำให้คุณสามารถจับภาพวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ สามารถถ่ายวิดีโอแบบมีหน้าชัด-หลังเบลอได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง สามารถเปลี่ยนจุดโฟกัสแรกไปจุดที่สองได้อย่างอัตโนมัติ เหมาะมากกับการสร้างคลิปวิดีโอที่ดูตื่นตาตื่นใจมากขึ้น และโปรยิ่งขึ้น นอกจากนี้ iPhone 13 Pro ยังรองรับการถ่ายวิดีโอ ProRes ความละเอียด 4K ที่ 30fps แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นเครื่องที่มีความจุ 256GB ขึ้นไปเท่านั้น ความสามารถนี้จะทำให้วิดีโอของคุณมีคุณภาพที่ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับ iPhone 12 Pro

 

โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Cinematic (เครดิตภาพ Apple) 

 

ส่วน Photographic Styles เป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับการถ่ายภาพที่คล้ายกับฟิลเตอร์แต่ดีกว่า เพราะฟิลเตอร์จะเป็นการปรับภาพทั้งหมดให้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่กับ Photographic Styles คุณสามารถปรับแต่งน้ำหนักของสี แสง และโทนภาพได้ด้วยตัวเอง เหมือนการสร้าง Preset ของตัวเอง มีให้เลือกเป็น Standard, Rich Contrast, Vibrant, Warm และ Cool

 

ฟีเจอร์ Photographic Styles (เครดิตภาพ Apple)

 

สรุป คุ้มไหมถ้าจะเปลี่ยนเพราะกล้อง

 

 

หากถามว่าคุณสมบัติของกล้อง iPhone 13 Pro ดีขึ้นกว่าเดิมไหม ต้องบอกว่าดีขึ้นจริง และด้วยการเพิ่มเข้ามาของฟีเจอร์ใหม่ๆ ก็ทำให้เราเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพและวิดีโอด้วย iPhone 13 Pro ได้ดียิ่งขึ้นด้วย แต่เมื่อเทียบกับตัว iPhone 12 Pro แล้ว ในการใช้งานในชีวิตประจำวันปกติที่ไม่ได้มีความต้องการด้านภาพและวิดีโอที่เฉพาะเจาะจง หรือมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ ความคุ้มค่าอาจไม่ได้จำเป็นมากนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงขั้น Big Change ที่เปลี่ยนเกมเหมือนการมาครั้งแรกของไอโฟน 3 กล้องใน iPhone 11

 

ดังนั้น หากคุณใช้ iPhone 12 Pro อยู่แล้ว และยังไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องการใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ การข้ามรุ่นนี้ไปก็ไม่ถือว่าพลาดอะไร แต่ถ้าคุณใช้ iPhone 10 หรือ iPhone 11 อยู่ การโดดมาเล่นรุ่น iPhone 13 Pro ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะความต่างหรือสิ่งที่ดีกว่าเดิมนั้นมันสัมผัสได้อย่างชัดเจนจริงๆ

 

อ่านบทความเกี่ยวข้องได้ที่: 

FYI
  • iPhone 13 Pro เริ่มต้นที่ 38,900 บาท มีความจุให้เลือกระหว่าง 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB 
  • มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, เทา, ทอง และฟ้า 
  • วางจำหน่ายวันที่ 8 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป 
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising