×

นักลงทุนผวา ‘เดลตาระบาด-จีนโตชะลอ-อัฟกานิสถานระอุ’ ชะลอลงทุนในตลาดหุ้น หนีซบสินทรัพย์ปลอดภัย ดันดอลลาร์-ทองคำพุ่ง

17.08.2021
  • LOADING...
นักลงทุน

บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกในรอบสัปดาห์นี้เป็นไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เห็นได้จากท่าทีส่วนใหญ่ของนักลงทุนในตลาดที่ตัดสินใจชะลอการลงทุน สืบเนื่องจากความไม่แน่ใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัว การระบาดระลอกใหม่ของโควิดสายพันธุ์เดลตาในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงจีน และปัญหาความขัดแย้งในอัฟกานิสถานที่ทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

 

โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเมื่อวานนี้ (16 สิงหาคม) ปิดตลาดปรับตัวลดลงทั่วหน้า เริ่มต้นที่ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ร่วงลง 1.62% ปิดที่ 27,523.19 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ปิดตลาดปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3,517.34 จุด ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ลดลง 0.8% ปิดที่ 26,181.46 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย ลดลง 0.61% ปิดที่ 7,582.50 จุด และดัชนี MSCI ของเอเชียแปซิฟิกไม่รวมญี่ปุ่นลดลง 0.5%

 

รายงานระบุว่า ตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกปรับตัวลดลงทั่วหน้ามีสาเหตุหลักมาจากความผิดหวังของตัวเลขค้าปลีกจีนในเดือนกรกฎาคมที่เพิ่มขึ้นเพียง 8.5% จากการคาดการณ์ก่อนหน้าว่าจะอยู่ที่ 11.5% ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนเดือนกรกฎาคมโตเพียง 6.4% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 7.8% กลายเป็นสัญญาณสะท้อนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ยิ่งบวกกับสถานการณ์โควิดสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดระลอกใหม่ ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจจีน และภูมิภาคเอเชียโดยรวมยังไม่น่าไว้วางใจ

 

ขณะเดียวกันปัญหาความตึงเครียดในอัฟกานิสถานได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนส่วนหนึ่ง ส่งผลให้ตลาดหุ้น Wall Street ของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ เปิดตลาดในแดนลบ และปรับตัวลดลงอีกในการซื้อขายระหว่างวัน ก่อนที่จะขยับมาปิดตลาดในแดนบวก โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones และดัชนี S&P 500 ขยับทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง

 

โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ปรับตัวเพิ่มขึ้น 110.02 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 35,625.40 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.71 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 4,479.71 จุด ทว่า ดัชนี Nasdaq กลับปรับตัวลดลง 29.14 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 14,793.76 จุด

 

นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างรอดูรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง Walmart และ Home Depot รวมถึงข้อมูลค้าปลีกและการก่อสร้างบ้านในสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม ตลอดจนรายงาน minutes จากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวทางลดระดับโครงการเข้าซื้อพันธบัตรของ Fed

 

ขณะที่สถานการณ์ในอัฟกานิสถานยังต้องจับตากันต่อไป แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญใดๆ ต่อการซื้อขายในห้วงเวลานี้

 

นอกจากนี้ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้น Wall Street เมื่อวานนี้ ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับดัชนี S&P 500 ที่ขยับเพิ่มขึ้นมาถึง 2 เท่าจาก จุดต่ำสุดที่ 2,237.40 จุด เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2020 เนื่องจากตลาดใช้เวลาเพียงแค่ 354 วันของวันซื้อขายในการขยับจากจุดต่ำสุดมาสู่จุดสูงสุดเมื่อวานนี้ที่ 4,479.71 จุด ถือเป็นสถิติการเข้าสู่ภาวะกระทิงที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

 

นักวิเคราะห์หลายสำนัก รวมถึง ไรอัน เดทริก หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาด ของ LPL Financla ระบุว่า ตามปกติแล้วกว่าตลาดจะฟื้นจากจุดต่ำสุดจนเข้าสู่ภาวะกระทิงได้ต้องใช้เวลามากกว่า 1,000 วันของวันซื้อขาย ดังนั้นความเร็วไม่ถึง 1 ปีในการฟื้นตัวจากเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายปี จึงถือได้ว่าไม่ธรรมดา ก่อนให้เหตุผลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นผลมาจากสารพัดนโยบายกระตุ้นขนานใหญ่ของรัฐบาลในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาบวกกับปัญหาความไม่สงบในอัฟากานิสถาน กลายเป็นปัจจัยเปราะบางที่จะสร้างความผันผวนให้กับตลาดในระยะสั้นได้ โดยความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในอัฟกานิสถานเริ่มมีมากขึ้น หลังกลุ่มตาลีบันสามารถเข้ายึดกรุงคาบูลได้สำเร็จ ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ก็แถลงจุดยืนชัดเจนที่จะเดินหน้าถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถาน โดยย้ำว่า ภารกิจของกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานนั้น “ไม่เคยเป็นเรื่องของการช่วยสร้างชาติ” และภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่นำพาให้ทหารสหรัฐฯ ต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศนี้ กลับขยายผลเป็นวงกว้างออกไปยังประเทศอื่นๆ ที่อยู่ข้างเคียงด้วย

 

ขณะเดียวกันผู้นำสหรัฐฯ ก็ยอมรับว่า การที่กลุ่มตาลีบันมีชัยชนะในการยึดพื้นที่ต่างๆ ทั่วอัฟกานิสถานนั้นเกิดขึ้นได้อย่างเงียงสงบและราบรื่นกว่าที่คาดไว้ พร้อมย้ำว่า การสั่งการให้ทหารสหรัฐฯ เข้าสู้รบในกรณีนี้เป็นสิ่งที่ผิด เพราะแม้แต่กองกำลังอัฟกันเองยังไม่คิดจะจับอาวุธขึ้นมาสู้

 

ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้นัดประชุมฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ทั่วโลกกำลังจับตาดูสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ก่อนเรียกร้องให้กลุ่มตาลีบันใช้ความยับยั้งชั่งใจให้มากที่สุด เพื่อปกป้องชีวิตของชาวอัฟกัน และเปิดทางให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปสู่ผู้ที่เดือดร้อนได้

 

สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนข้างต้นทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดตัดสินใจหันหน้าเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ดอลลาร์ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง

 

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.15 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 67.29 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 69.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ขณะที่ราคาทองคำดีดตัวเพิ่มขึ้นมา 0.4% ปิดตลาดที่ 1,789 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในตลาดฟิวเจอร์สปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ปิดตลาดที่ 1,789.10 จุด โดยราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มนี้ยังมีขึ้นในวันเดียวกันกับที่มีการเปิดเผยผลสำรวจเงื่อนไขบริบทของธุรกิจทั่วไปของเฟด นิวยอร์ก (General Business Conditions Index) ที่พบว่า ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในเดือนสิงหาคม มาอยู่ที่ 18.3 จุด ซึ่งลดลงมาถึง 43 จุดจากเดือนกรกฎาคมก่อนหน้า และต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 28.9 จุด

 

รายงานระบุว่า ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า แม้ธุรกิจในนิวยอร์กจะยังสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่ก็เป็นไปในอัตราที่ช้าลง และส่วนใหญ่เริ่มมองว่า บริบทแวดล้อมของตลาด โดยเฉพาะการระบาดของโควิดเริ่มแย่ลง ซึ่งสอดคล้องกับรายงานดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงและจำนวนการจ้างงานที่ลดลง สวนทางกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น

 

ด้านสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 สิงหาคม) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ขยับลดลงมาอยู่ที่ 1.25%

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising