จากประเด็นที่ภาครัฐกำลังศึกษาเกี่ยวกับการเก็บภาษีการขายหุ้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมา แต่หากมีการบังคับใช้จริงจะทำให้ต้นทุนในการลงทุนของนักลงทุนเพิ่มขึ้น
ในมุมของ เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิรพงศ์ มองว่า หากมีการบังคับใช้จริงจะทำให้เสน่ห์ของตลาดหุ้นไทยหายไป เพราะมีโอกาสที่สภาพคล่องซึ่งเป็นจุดเด่นของตลาดหุ้นไทยอาจจะลดลง นักลงทุนที่เน้นซื้อขายเร็วก็อาจจะเปลี่ยนไปเล่นยาวขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ซื้อขายรายวันหรือใช้โรบอตน่าจะถูกกระทบมาก
“โดยรวมแล้วผมคิดว่าการขึ้นภาษีเทรดจะได้ไม่เท่าเสีย”
ขณะที่ เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง กล่าวว่า หากเลือกได้ก็คงอยากจะให้ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่หากภาครัฐตัดสินใจจะเก็บภาษีเพิ่มจริงๆ ก็ยินดีจะทำตาม ซึ่งโดยรวมอาจจะกระทบต่อตลาดบ้างในระยะสั้น แต่เมื่อทุกคนปรับตัวได้ก็เชื่อว่าตลาดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
“ประเด็นหนึ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจคือ อย่ามองว่านักลงทุนไม่ต้องเสียภาษี เพราะโดยปกติแล้วนักลงทุนทุกคนต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับโบรกเกอร์อยู่แล้ว และโบรกเกอร์ก็นำเงินส่วนหนึ่งส่งให้รัฐ”
ด้าน นิเวศน์ เหมวชิรวรากร มองว่า ตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมเท่าใดนักสำหรับการเก็บภาษีซื้อขายหุ้น ด้วยสถานการณ์ภาพรวมที่ยังเลวร้าย หากยังมีตลาดหุ้นที่ดีอยู่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้บ้าง
“ตลาดหุ้นนาทีนี้ยังช่วยค้ำเศรษฐกิจไว้ได้ อย่างการเพิ่มทุน หรือการระดมทุนผ่านไอพีโอ แต่หากตลาดหุ้นซึมลงก็อาจทำให้การระดมทุนยากขึ้น และหากภาคธุรกิจระดมทุนไม่ได้ก็จะยิ่งเหนื่อย”
โดยสรุปแล้วหากต้องการจะเก็บภาษีในส่วนนี้อาจจะรอจังหวะไปก่อน เพราะหากตลาดหุ้นร่วงลงมาก็จะยิ่งทำให้คนจนลงไปอีก ขณะเดียวกันจะเห็นว่าประเทศที่มีตลาดหุ้นคล้ายกับไทยก็ไม่ได้มีภาษีในส่วนนี้ และก็อาจจะทำให้นักลงทุนบางส่วนถอยออกไปจากตลาด
ส่วน อธิป กีรติพิชญ์ เปิดเผยว่า หากมีการเก็บภาษีในส่วนนี้แน่นอนว่าจะทำให้ต้นทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นในฐานะนักลงทุนหากเลือกได้ก็คงไม่อยากให้มี และในมุมของนักลงทุนรายย่อยที่อาจจะเข้ามาลงทุนในตลาดได้ไม่นาน ส่วนหนึ่งอาจจะยังไม่สามารถทำกำไรจากตลาดได้ หากมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมนักลงทุนเข้าไปอีก ฉะนั้นแล้วประเด็นนี้อาจจะต้องพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียให้ดี เพราะเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
