นักลงทุนกำลังแห่เข้าลงทุนในหุ้นและพันธบัตรในตลาดเกิดใหม่ (EM) ในระดับที่สูงเกือบเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และการเปิดประเทศของจีนช่วยพลิกสถานการณ์วิกฤตจากปีที่แล้ว
จากข้อมูลของแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้ของประเทศเกิดใหม่ได้ดึงดูดเงินทุนมากถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ความเร็วของเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในขณะนี้ เป็นรองเพียงแค่ช่วงหลังยกเลิกมาตรการปิดเมืองในช่วงปลายปี 2020 และต้นปี 2021 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
การไหลเข้าของเงินทุนที่แข็งแกร่งเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของความเชื่อมั่นในปีนี้ หลังจากผลประกอบการอันย่ำแย่เป็นส่วนใหญ่ของตลาดที่เกิดขึ้นในปี 2022 อัตราเงินเฟ้อโลกที่ลดลงทำให้นักลงทุนจำนวนมากเดิมพันว่าธนาคารกลางในตลาดที่พัฒนาแล้ว รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ จะหยุดเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่สำคัญของตลาดเกิดใหม่
ภัยคุกคามจากภาวะถดถอยเริ่มแผ่วลง โดยข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (26 มกราคม) แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตเกินความคาดหมายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 โดยขยายตัวในอัตรา 2.9% ต่อปี ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
การตัดสินใจของจีนในการยกเลิกนโยบาย Zero-COVID ก็ส่งผลกระทบด้วยเช่นกัน ข้อมูลจาก IIF ระบุว่า เงินทุนที่ไหลเข้าประเทศจีนคิดเป็นมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 1.1 พันล้านดอลลาร์ต่อวันของตลาดเกิดใหม่ทั้งหมด ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ กำลังได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของจีนด้วยเช่นกัน
ขณะที่ J.P. Morgan คาดว่า GDP ในตลาดเกิดใหม่จะเติบโต 1.4% ซึ่งมากกว่าอัตราการเติบโตของประเทศที่พัฒนาแล้วในปี 2023 โดยเพิ่มขึ้นจาก 0% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดเกิดใหม่จะเริ่มต้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2023 นักลงทุนและนักวิเคราะห์บางส่วนยังมองว่าอัตราการไหลเข้าของเงินอาจมีความผันผวนสูง
Paul Greer ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนสำหรับหนี้ EM ของ Fidelity International กล่าวว่า จะเห็นการขยายตัวที่มากขึ้นของจีนในไตรมาสที่หนึ่งและสองของปี 2023 อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ราคาในตอนนี้เป็นราคาที่ตลาดรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดไปแล้ว
Greer ระบุว่า การฟื้นตัวนี้ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนที่กลับมาลงทุนในสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่ หลังจากที่ลดระดับลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสามไตรมาสแรกของปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ ประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งประสบปัญหาในการเติบโตอย่างรวดเร็วจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008-2009 และได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นทั่วโลก และเงินดอลลาร์แข็งค่าในช่วงปี 2022
Greer กล่าวเพิ่มว่า แม้จะมีการฟื้นตัวแต่นักลงทุนก็ยังไม่ควรมองการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ในอนาคตในแง่ดีมากนักจากปัญหาที่รุมเร้า เช่น ระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้น ความตึงเครียดทางการคลังที่มากขึ้น และข้อมูลประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะลดศักยภาพการเติบโตลง จึงเป็นเรื่องยากที่จะร่าเริงกับตลาดเกิดใหม่เหมือนก่อนเกิดโควิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อัปเดต 7 หุ้น พอร์ต เซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ มูลค่า 6.14 พันล้านบาท
- สำรวจ 8 หุ้นใหญ่ พอร์ต 6.68 หมื่นล้าน นิติ โอสถานุเคราะห์ บอสใหญ่โอสถสภา
- แกะพอร์ต 10 หุ้น ในมือ สุระ คณิตทวีกุล เจ้าของ COM7 มหาเศรษฐีไทย อันดับที่ 49
อ้างอิง: