ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักลงทุนเริ่มมองหาโอกาสใหม่ในครึ่งปีหลังของปี 2025 ‘ญี่ปุ่น’ และ ‘อินเดีย’ กำลังกลายเป็นสองตลาดดาวรุ่งของภูมิภาคเอเชียที่ถูกจับตามากขึ้น แต่สาเหตุเพราะอะไร?
🇯🇵ญี่ปุ่น เส้นทางฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น
- ค่าจ้างเพิ่ม 3 ปีติด หนุนกำลังซื้อ-เงินเฟ้อ
- ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวปฏิรูปธรรมาภิบาล เน้น ROE ระยะยาว
- กำไรบริษัทโตต่อเนื่อง คาด EPS TOPIX แซงสหรัฐฯ-ยุโรป
- เงินเยนอ่อนค่า หนุนส่งออกและผลประกอบการบริษัทข้ามชาติ
🇮🇳อินเดีย ดาวรุ่งแห่งเอเชียที่แรงไม่ตก
- GDP ปีนี้คาดโต 6.5% จากดีมานด์ในประเทศและการใช้จ่ายภาครัฐ
- ประชากรวัยทำงานมากที่สุดในโลก หนุนบริโภคและนวัตกรรม
- ดอกเบี้ยลดเหลือ 5.5% ต่ำสุดตั้งแต่ ส.ค. 2022 กระตุ้นเศรษฐกิจ
- อินเดียจ่อขึ้นเป็นเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกใน 3 ปี ดึงดูดนักลงทุน
ทำไมสองตลาดนี้ถึงเป็นดาวรุ่ง?
ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนกำลังปรับฐาน ญี่ปุ่นและอินเดียกลายเป็นสองดาวรุ่งที่น่าจับตาในเอเชีย ด้วยปัจจัยหนุนจากกำลังซื้อในประเทศ นโยบายเศรษฐกิจเชิงรุก และโครงสร้างที่เปิดรับการปฏิรูป ทำให้ทั้งสองตลาดสามารถรับมือความผันผวนจากจีน และดึงดูดเงินทุนต่างชาติได้ต่อเนื่อง
โอกาสการลงทุนของตลาดญี่ปุ่นและอินเดีย
💰KF-HJAPAND กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนเฮดจ์ปันผล
กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6 ลงทุนแบบเชิงรุกคัดเลือกธีมการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตระยะยาว เฟ้นหาหลักทรัพย์รายตัวที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
💰KT-INDIA กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์
กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6 ใช้กลยุทธ์ผสมผสานทั้ง bottom-upในการคัดเลือกหุ้นที่พื้นฐานดี และ top-down ผ่านการวิเคราะห์ปัจจัยมหภาค เน้นลงทุนไปที่หุ้นคุณภาพดีที่มีการเติบโต ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้ในระยะยาว
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกับ UOB หรือติดต่อที่ปรึกษาทางการเงิน (Client Advisor) ของ UOB Privilege Banking โทร. 0 2081 0999 หรือคลิก www.uob.co.th/privilegebanking
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน