เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 กรกฎาคม) ชาวจีนนับ 10 ล้านคน ต้องเผชิญกับมาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากการระบาดของโควิดระลอกใหม่อีกครั้ง โดยพื้นที่สำคัญทางธุรกิจ ตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ถูกบังคับให้ปิดชั่วคราว และจากความกังวลต่อโควิดที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนเริ่มย่อตัวลงเล็กน้อยในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา
ดัชนี CSI300 ร่วงลงมาแตะระดับ 4,391.19 จุด ลดลง 3% ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา หลังฟื้นตัวขึ้นมาได้ถึง 20% จากจุดต่ำสุดเมื่อปลายเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของ วินนี่ อู่ นักวิเคราะห์ของ Bank of America เชื่อว่า การย่อตัวของหุ้นจีนจากผลของโควิด หรือแม้แต่ข่าวร้ายจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นจีน
“อย่างที่รู้กันว่า โดยภาพใหญ่แล้วกำไรของบริษัทต่างๆ ที่ถูกกดดันจากโควิดน่าจะผ่านจุดแย่สุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แม้ว่าจีนจะยังคงมาตรการ Zero COVID แต่เราก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง”
เงินทุนไหลเข้าหุ้นจีนต่อเนื่อง
วิริยะชัย จิตตวัฒนรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่าย Private Wealth Management ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ด้วยนโยบาย Zero COVID ที่ยังอยู่ ทำให้จีนมีความเสี่ยงที่จะล็อกดาวน์เป็นระยะ แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนจะให้น้ำหนักกับประเด็นนี้ลดลง
“ขณะนี้ตลาดหันไปสนใจเรื่องอื่นมากกว่า เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมดูเหมือนจะไปในทางที่ดีขึ้น และช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เงินลงทุนก็ไหลเข้าหุ้นจีนต่อเนื่อง อย่างสัปดาห์ก่อนก็มีเงินลงทุนไหลเข้าหุ้นจีนราว 5 พันล้านดอลลาร์”
หากหุ้นจีนฟื้นได้ต่อเนื่อง ตลาดหุ้นในอาเซียนน่าจะได้ Sentiment บวกไปด้วย แต่สิ่งที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงของแต่ละประเทศ เช่น เงินเฟ้อ หรือความเสี่ยงเฉพาะตัว อย่างไทยก็มีประเด็นการเก็บภาษีหุ้น ขณะที่ตลาดหุ้นหลักในเอเชียอื่นๆ เช่น ไต้หวันและเกาหลีใต้ อาจไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับจีน เพราะเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคก็อาจกระทบได้
นอกจากนี้ข้อมูลจาก Institute of International Finance (IIF) ระบุว่า นักลงทุนต่างชาติขายบอนด์จีนออกมาต่อเนื่องในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เข้าซื้อหุ้นจีนแทน โดยเงินทุนที่ไหลออกจากตลาดบอนด์จีนคิดเป็นมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่ผ่านมา เทียบกับเงินทุนที่ไหลเข้า 9.1 พันล้านดอลลาร์ในบอนด์ของตลาดเกิดใหม่อื่นๆ
การไหลออกของเงินทุนจากตลาดบอนด์จีนถือเป็นการไหลออกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 อย่างไรก็ตาม หุ้นจีนกลับได้รับความสนใจมากขึ้นจากการที่เงินทุนไหลเข้า 9.1 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นจีนฟื้นตัวได้ 6% ในเดือนมิถุนายน เทียบกับตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ที่เงินทุนไหลออกรวมกันถึง 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์
IIF ระบุว่า ในเดือนนี้ปัจจัยต่างๆ ยังเอื้อให้เงินทุนไหลเข้าหุ้นจีนต่อเนื่อง ทั้งจากเงินเฟ้อที่กำลังเข้าสู่จุดสูงสุดและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะเป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจ ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติต่างลดการลงทุนในบอนด์จีนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายการเงินที่สวนทางกับสหรัฐฯ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของบอนด์จีนลดลงสวนทางกับสหรัฐฯ
กองทุนจีนกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
ขณะที่ จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี มีมุมมองสอดคล้องกันว่า ช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าที่สนใจเข้าซื้อกองทุนจีนเพิ่มขึ้นมาก และในส่วนของการระบาดของโควิดรอบนี้ นักลงทุนรายใหญ่ส่วนมากยังมองเป็นจุดซื้อและยังไม่คิดจะขายหุ้นออกไป
“คาดว่าเงินทุนน่าจะยังเข้าหุ้นจีนต่อ และโควิดไม่น่าจะทำให้ความเชื่อมั่นหายไปมาก หรืออาจเป็นจังหวะในการเข้าซื้อด้วย”
ในฝั่งของผู้จัดการกองทุนจีนก็ขยับพอร์ตการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน A Share ซึ่งเดิมทีอาจเน้นลงทุนในหุ้นสินค้าอุปโภคและบริโภค ก็เริ่มปรับเปลี่ยนมาเป็นกลุ่มพลังงานสะอาดและสินค้าอุตสาหกรรมมากขึ้น หลังจากที่ภาพการบริโภคของจีนชะลอลงไป
ส่วนกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน H Share อาจปรับได้ไม่มากนัก เพราะทางเลือกการลงทุนมีน้อยกว่า ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นลักษณะของการจับจังหวะเข้าซื้อในหุ้นชุดเดิมที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว เช่น Alibaba และ Tencent
“ในมุมของเศรษฐกิจจีนเป็นโทนของการฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปี แต่มีเรื่องล็อกดาวน์เข้ามาทำให้จังหวะเสียไป แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงต่อ Recession ก็ทำให้เศรษฐกิจจีนอาจฟื้นตัวได้ไม่ถึงเป้า 5.5%”
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนไทยที่เน้นลงทุนในจีนปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยกองทุนที่ทำผลตอบแทนดีที่สุด 5 อันดับแรก ทำผลตอบแทน 11-14% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา อิงข้อมูลจาก Morningstar Thailand
อ้างอิง:
- China Stock Market Booms in June as Foreigners Exit Bonds (asiafinancial.com)
- Buy the dip in China markets despite Covid concerns: BOFA Securities (cnbc.com)
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP