“เคยคิดไหมว่าถ้าโลกนี้ไม่มีธนาคาร ไม่มีสถาบันการเงิน แต่ระบบการเงินทุกอย่างยังสามารถทำงานได้ เรายังสามารถทำทุกอย่างที่เคยทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝาก ถอน โอน จ่าย กู้ยืม หรือแม้แต่การค้ำประกัน ทุกอย่างทำผ่านโปรแกรมไร้ตัวกลางที่ทำงานอย่างเที่ยงตรง ว่องไว และเชื่อถือได้ โลกของเราจะเป็นอย่างไร แล้วระบบอัตราดอกเบี้ยบนโลกใบนี้จะเปลี่ยนไปเช่นไร”
นี่ก็คือคอนเซปต์คร่าวๆ ของ Decentralized Finance
แนวคิดที่เรียกว่า Decentralized Finance หรือ DeFi เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมีจุดมุ่งหมายในการสร้างระบบการเงินที่ไม่ขึ้นตรงกับธนาคารหรือตัวกลางใดอีกต่อไป และมันได้เกิดขึ้นจริงแล้วในหลายแพลตฟอร์มเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ และยังมีการให้ดอกเบี้ยไม่ต่างกับธนาคาร (หรืออาจดีกว่าด้วยนะ)
เมื่อเราพูดถึงระบบการเงินที่ไม่มีตัวกลาง หลายคนอาจจะคิดถึงบิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาสกุลเงินดิจิทัล (Cyptocurrency) ภายใต้เทคโนโลยีที่เรียกกันว่า บล็อกเชน (Blockchain) และถึงแม้ว่าคนโดยทั่วไปอาจจะยังไม่เข้าใจมันมากนัก หรือมองว่ามันเป็นแค่สิ่งสมมติที่ถูกใช้เพื่อเก็งกำไรเท่านั้น แต่ในแง่หนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของนักพัฒนาและนักลงทุน จะเห็นได้ว่าบิตคอยน์คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนแล้วว่า มนุษยชาติสามารถสร้างระบบธุรกรรมการเงินที่เชื่อมโยงทั้งโลกไว้ด้วยกัน โดยไม่ต้องมีตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน
มีโครงการและสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ มากมายที่ถูกคิดค้นขึ้นจากการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน และแรงบันดาลใจจากบิตคอยน์มาใช้และพัฒนาต่อ หนึ่งในนั้นคือ อีเธอเรียม (Ethereum) อีกสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นโดยเด็กหนุ่มอย่าง Vitalik Buterin ในวัยเพียง 21 ปี (อ้างอิงจากวันที่ 30 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่เงินสกุลดังกล่าวเปิดตัวเข้าสู่ตลาด)
อีเธอเรียมนำเสนอแนวคิดของสิ่งที่เรียกว่า Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งแท้จริงแล้วคือโค้ดหรือโปรแกรมที่สามารถทำงานได้ตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ตั้งเอาไว้ และนั่นเท่ากับว่ามนุษย์สามารถสร้างโปรแกรมที่มีทั้งความละเอียดซับซ้อน และยังสามารถทำงานได้โดยไร้ตัวกลางผ่านโปรแกรมที่เราสามารถเชื่อได้ว่าทำงานถูกต้อง ด้วยคุณสมบัตินี้เองจึงทำให้อีเธอเรียมถูกนำมาใช้ในระบบการเงินไร้ตัวกลาง (Decentralized Finance: DeFi) อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัท MakerDAO ตัดสินใจประกาศใช้สกุลเงินที่มีมูลค่าคงที่ที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง (Stablecoin) อย่าง Dai โดยยึดมูลค่าของอีเธอเรียมต่อดอลลาร์สหรัฐ
“เดิมทีการสร้างสกุลเงินที่มีมูลค่าคงที่นั้นถูกผูกขาดโดยรัฐบาลมาโดยตลอด เราได้เห็นความพยายามของ Facebook ที่พยายามสร้างสกุลเงินดิจิทัลอย่างลิบรา (Libra) ขึ้นมาเป็น Stablecoin ของตัวเอง แต่ก็ถูกยับยั้งจากหลายฝ่าย เพราะถือว่ามันสร้างขึ้นโดยยังมีตัวกลาง”
Dai เหมือนกับบิตคอยน์ตรงที่ถูกควบคุมโดยระบบที่ไม่ถูกแทรกแซงจากตัวกลางไหน ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถทำงานและมีมูลค่าได้โดยการนำอีเธอเรียมมาค้ำประกัน (Collateral Factor) เพื่อบริหารมูลค่าให้คงที่ผ่าน Smart Contract ถึงจุดนี้เราจึงกล่าวได้ว่าการสร้างสินทรัพย์เสมือนนั้นได้เกิดขึ้นแล้วในโลกของระบบการเงินไร้ตัวกลาง
วงการสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงมีอะไรให้ติดตามอยู่เสมอ เช่น แพลตฟอร์มอย่าง Synthetix ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ให้เราสามารถสร้างสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำ หุ้น หรือน้ำมันในโลกดิจิทัลได้ หรือแพลตฟอร์มกู้ยืมเงินดิจิทัลอย่าง Compound เป็นต้น แต่อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจที่สุด ณ เวลานี้ คือ Decentralized Exchange หรือ Dex ตลาดแลกสินทรัพย์ไร้ตัวกลางที่ในปัจจุบันใช้ได้เพียงกับสกุลเงินดิจิทัลเท่านั้น
Dex เป็นความพยายามในการสร้างตลาดสินทรัพย์ที่ให้คนสามารถนำสินทรัพย์ใดๆ มาแลกเปลี่ยนได้แบบไร้ตัวกลาง โดยผู้ใช้งานจะได้รับผลตอบแทนของการฝากสินทรัพย์ให้เป็นสภาพคล่องให้แก่ตลาดกลับไป
ลองนึกดูว่าถ้าเป็นชีวิตโดยทั่วไปของเรา หากคุณต้องการจะซื้อส้มในปริมาณมาก คุณก็ต้องไปหาตลาดที่แลกเปลี่ยนส้มกับเงินของคุณ ซึ่งอาจจะเป็นตัวกลาง เช่น นายหน้าหรือพ่อค้าคนกลางที่จะรวบรวมส้มมาขายเพื่อแลกกับค่าบริการเพิ่มเติมที่คุณจะต้องจ่ายให้ แต่ใน Dex คุณหรือใครๆ ก็สามารถทำแบบนั้นได้ และคุณจะได้รับผลตอบแทนจากการป้อนสินทรัพย์ดังกล่าวเข้าไปในตลาดอีกด้วย
Dex กลายเป็นที่นิยมทันทีเพราะผลตอบแทนของ Stablecoin ที่ฝากเป็นสภาพคล่องให้ผลตอบแทนสูงมากเมื่อเทียบกับธนาคารในปัจจุบัน แม้ดอกเบี้ยจะไม่คงที่แต่ก็นับว่าเป็นที่พึงพอใจ โดยจะอยู่ที่ราวๆ 10-30% ต่อปี ตัวเลขนี้ทำให้เราเห็นว่า เดิมทีตัวกลางอย่างธนาคารเก็บค่าบริการสูงแค่ไหน ในขณะที่เราฝากเงินกับธนาคารแล้วได้รับดอกเบี้ยที่ 0.25-2% ต่อปี แต่ธนาคารสามารถเอาเงินส่วนนี้ไปปล่อยกู้บัตรเครดิตได้ดอกเบี้ยสูงถึง 26% ต่อปี
ผลตอบแทนที่ดีถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผู้ใช้งานจะได้รับหากตัวกลางถูกตัดออกไป ปัจจุบัน Dex ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Uniswap, Balancer, และ Curve เป็นต้น
แน่นอนว่าโครงการเหล่านี้ยังใหม่และมีความเสี่ยงสูงมาก แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ ที่น่าสนใจ สำหรับในประเทศไทย บริษัท Kulap ถือว่าเป็น Dex License หรือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของโลก
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของระบบการเงินไร้ตัวกลางเท่านั้น ลองคิดดูว่าถ้าในอนาคตสินทรัพย์อื่นๆ สามารถโลดแล่นในโลกดิจิทัล และเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้นในโลกจริงมันจะเป็นอย่างไร เราอาจจะเอาสินทรัพย์ใดๆ มาแลกเปลี่ยนกันได้อย่างอิสระ นำที่ดินมาซื้อกาแฟ นำน้ำมันไปซื้อผลไม้ หรืออาจจะปล่อยกู้สินทรัพย์เหล่านี้เพื่อแลกกับดอกเบี้ยของมันก็ได้ คุณอาจจะมีคำถามมากมายกับสิ่งที่ผมเพิ่งเล่าไป แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นจริงแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าอีกสัก 10 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะแม้แต่คนที่ติดตามเทคโนโลยีทุกวันยังไม่สามารถคาดเดาได้ แล้วคุณล่ะคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในโลกการเงินแห่งอนาคต
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์