×

สื่อนอกตีข่าวศาลรัฐธรรมนูญไทยวินิจฉัยม็อบปฏิรูปสถาบันฯ เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ขณะที่ CNN เผย ไทยปกป้องกฎหมายมาตรา 112 บนเวที UN

โดย THE STANDARD TEAM
11.11.2021
  • LOADING...
ศาลรัฐธรรมนูญไทย

สื่อต่างประเทศหลายสำนักไม่ว่าจะเป็น BBC, CNN, Reuters, AFP, The Guardian, South China Morning Post หรือ Channel News Asia ต่างติดตามรายงานข่าวกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญของไทยมีคำวินิจฉัยให้การชุมนุมและการปราศรัยเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ ของ อานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก และ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

 

โดยสำนักข่าว Reuters รายงานคำวินิจฉัยของผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “พฤติการณ์ของทั้ง 3 คน แสดงให้เห็นมูลเหตุจูงใจว่ามีเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ใช่เป็นการปฏิรูป” ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลไม่มีการกำหนดบทลงโทษใดๆ แต่ได้สั่งให้ทั้ง 3 คน และกลุ่มเครือข่าย เลิกการกระทำลักษณะดังกล่าวในอนาคต

 

Reuters ชี้ว่า บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นหัวข้อต้องห้ามในไทย ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง พร้อมทั้งชี้ถึงข้อเรียกร้องของทั้ง 3 คน ในคำปราศรัยที่เสนอให้แก้ไขกฎหมายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ลดการจัดสรรงบประมาณราชวงศ์ และเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายที่กำหนดโทษจำคุก 15 ปี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ 

 

ด้านสำนักข่าว BBC รายงานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นเสาหลักสำคัญของไทยที่ขาดไม่ได้” และ “การกระทำใดๆ ที่พยายามบ่อนทำลาย ด้อยคุณค่า หรือทำให้สถาบันฯ อ่อนแอนั้นแสดงถึงเจตนาที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์” 

 

โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ BBC วิเคราะห์ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยนั้นเป็นการปิดพื้นที่สำหรับสาธารณชนในการพูดคุยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ และทำให้นักเคลื่อนไหวทั้งสามอาจถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหากบฏ ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต

 

อย่างไรก็ตาม เฮดชี้ว่า การพูดคุยและวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ แบบส่วนตัว ที่ขยายวงกว้างมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะยังคงดำเนินต่อไปบนโซเชียลมีเดียอย่างแน่นอน แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามอย่างต่อเนื่องในการปราบปรามและปิดกั้นความคิดเห็นดังกล่าว ขณะที่คำวินิจฉัยของศาลที่ออกมาจะถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมืองจากฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายสนับสนุนสถาบันฯ

 

ทางด้านสำนักข่าว AFP รายงานความเห็นของ สุนัย ผาสุก นักวิจัยอาวุโสขององค์กร Human Rights Watch ที่กล่าวถึงคำวินิจฉัยดังกล่าวว่า “เป็นการรัฐประหารในเชิงตุลาการ” ที่สามารถปูทางไปสู่การดำเนินคดีอื่นๆ ต่อกลุ่มผู้ประท้วงรวมถึงข้อหากบฏ

 

ขณะที่สำนักข่าว CNN รายงานว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีขึ้นในขณะที่ทางการไทยนั้นกำลังปกป้องกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ในระหว่างการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน โดยคณะทำงานของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลังมีการแสดงความกังวลจากประเทศสมาชิกในประเด็นสิทธิมนุษยชนและการจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงเยาวชนที่ผลักดันให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งบางประเทศเรียกร้องให้ไทยแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 โดยระบุว่า เป็นกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก 

 

ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยโต้แย้งว่า กฎหมายมาตรา 112 นั้นเป็นกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์และความมั่นคงของไทย ซึ่งคดีหมิ่นสถาบันฯ นั้นทางการไทยมีการดำเนินการอย่างระมัดระวัง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X