วันนี้ (8 ตุลาคม) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นำโดย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยทั้งสิ้น 25 ตำแหน่ง
- ขจร ศรีชวโนทัย พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
- สันติธร ยิ้มละมัย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
- ศุภศิษย์ กอเจริญยศ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
- สุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
- อดิเทพ กมลเวชช์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
- ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง
- ภาสกร บุญญลักษม์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
- พงษ์นรา เย็นยิ่ง พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง
- นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับสูง) จังหวัดบุรีรัมย์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
- อังกูร ศีลาเทวากูล พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่
- ขจรเกียรติ รักพานิชมณี พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา
- ชรินทร์ ทองสุข พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
- เกียรติศักดิ์ ตรงศิริ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี
- สมคิด จันทมฤก พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี
- วีระพันธ์ ดีอ่อน พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี
- ทวี เสริมภักดีกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
- ศรัณยู มีทองคำ พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์
- ชุติเดช มีจันทร์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
- โชตินรินทร์ เกิดสม พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
- นิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม
- นริศ นิรามัยวงศ์ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร
- พิริยะ ฉันทดิลก พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี
- ชำนาญ ชื่นตา พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
- ราชันย์ ซุ้นหัว พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
- ว่าที่ พ.ต. อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงเป็นไปตามวงรอบปกติ โดยในปีนี้มีผู้ว่าราชการจังหวัดว่างหลายตำแหน่ง ในวันนี้แต่งตั้งได้เพียง 25 ตำแหน่งเท่านั้น เนื่องจากประสบอุทกภัยที่ต้องมีตัวจริงเข้าไปทำงานให้เร็วที่สุด การให้บุคคลเข้าไปรักษาการอาจทำให้การทำงานทำได้ไม่เต็มไม้เต็มมือ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งประกอบไปด้วยการมีประสิทธิภาพ ประสบการณ์ ความอาวุโส รวมถึงความทุ่มเทด้วย
ส่วนกรณีที่มีการโยก นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นนั้นมีนัยทางการเมืองอะไรหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า “บุรีรัมย์ไหมล่ะ คนที่เคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีก็ได้ตำแหน่งสูงขึ้น มีผู้ว่าหลายจังหวัดก็ได้ขึ้น”
ส่วนข้อสังเกตว่า ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอยู่ในสายของ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย หลุดออกจากตำแหน่งยกแผงนั้น อนุทินชี้แจงว่า กระทรวงมหาดไทยไม่มีสายของใคร ณ วันนี้มีแค่สายเดียวคือ สาย มท.1 ทุกคนในกระทรวงมหาดไทย ตราบใดที่ มท.1 ยังอยู่ ต้องเป็นสาย มท.1 เพื่อให้ทำงานและรับนโยบายกันได้ ตนเองไม่เคยมองใครเป็นสายใครทั้งนั้น