กรณี ภาวะเงินเฟ้อ สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานอ้างอิงผลการศึกษาหลายฉบับที่มีการเปิดเผยออกมาเมื่อไม่นานมานี้ พบว่า ภายใต้สภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1981 ของสหรัฐอเมริกา ประชากรชาวอเมริกันเกือบครึ่งต่างประสบปัญหาในด้านการใช้จ่ายและหนี้สิน อีกทั้งส่วนใหญ่ยังจำใจต้องลดการเก็บออมเงินเพื่อใช้ยามฉุกเฉิน เพื่อออมเงินสู่เป้าหมายทางการเงินในระยะยาว
ทั้งนี้ ผลการสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับสุขภาพทางการเงินในครัวเรือนและความพร้อม จัดทำโดย American Consumer Credit Counseling พบว่า เกือบ 40% ของผู้บริโภคชาวอเมริกันไม่สามารถจัดสรรรายได้ที่หามาได้ไปออมได้เลย ขณะที่ 19% ระบุชัดว่าจำเป็นต้องตัดลดสัดส่วนเงินออมเพื่อนำมาใช้จ่าย
โดยในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ 48% ของผู้บริโภคกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์ของครอบครัว โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากไตรมาสแรกซึ่งอยู่ที่ 39%
Allen Amadin ประธานและซีอีโอของ American Consumer Credit Counseling กล่าวว่า ปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโควิด สงครามในยูเครน ปัญหาเงินเฟ้อ และเหตุการณ์อื่นๆ ส่งผลกระทบต่อสังคมอเมริกันในเรื่องการเงินของครัวเรือนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
Amadin ชี้ว่า บรรดาผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางการเงินที่พลิกผันและเกิดขึ้นต่อเนื่องกันภายในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน บีบให้ต้องหาทางเอาตัวรอดท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางด้านผลการสำรวจที่จัดทำโดย LendingTree พบว่า เพื่อที่ทำให้รายได้พอต่อการใช้จ่าย ชาวอเมริกัน 43% คาดว่าจำเป็นต้องเพิ่มการกู้ยืมเงินในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยประชากรในวัยหนุ่มสาวและครอบครัวที่มีเด็กเล็กต่างมีแนวโน้มจำเป็นต้องเพิ่มหนี้ครัวเรือนของตนเองเพื่อนำมาใช้จ่าย และส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่าจะพึ่งพาการกู้เงินจากบัตรเครดิต เพื่อปิดช่องว่างระหว่างรายได้กับรายจ่าย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปริมาณการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นรวมถึงสินเชื่อรถยนต์ เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และเงินกู้ซื้อบ้าน ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนทั้งหมดของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 15.84 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
Matt Schulz หัวหน้านักวิเคราะห์เครดิตของ LendingTree กล่าวว่า ปริมาณหนี้ที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นได้ทั้งสัญญาณบวกที่สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หรือสัญญาณลบที่บ่งชี้สถานะทางการเงินแบบชักหน้าไม่ถึงหลังของชาวอเมริกัน
Schulz อธิบายว่า หลายคนรับภาระหนี้เพราะมั่นใจกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเองว่าจะสามารถจ่ายดอกเบี้ยเล็กน้อยหากได้สิ่งที่ต้องการ กระนั้นก็ยังมีคนอื่นอีกมากที่เป็นหนี้เพราะความจำเป็น ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุมาจากอะไร
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจธนาคารที่ให้ลูกค้าประเมินสถานภาพทางการเงินของตนเอง พบว่าส่วนใหญ่มองสถานะการเงินของตนเองว่ามีความแข็งแรงน้อยลง โดยข้อมูลจาก J.D. Power ชี้ว่า ความพึงพอใจโดยรวมของชาวอเมริกันต่อสถานะทางการเงินของตนเองตอนนี้อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือน ขณะที่ผู้ที่มองว่าตัวเองไม่มีความแข็งแรงทางการเงินนั้นสูงถึง 64%
ทั้งนี้ สุขภาพทางการเงินโดยรวมที่ลดลงนั้นส่วนใหญ่เกิดจากการกู้ยืมมากขึ้นและออมเงินน้อยลง
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP