ผู้เชี่ยวชาญจับตา ภัยแล้งจากเอลนีโญอาจสร้างแรงกดดันให้อินเดียสั่งแบนหรือจำกัดการส่งออกน้ำตาลเพิ่มเติม หลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งประกาศห้ามส่งออกข้าวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ จนทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 15-20%
เฮนริก อคาไมน์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดน้ำตาลและเอทานอลของ Tropical Research Services ออกมาเตือนว่า ปัญหาฝนตกน้อยในรัฐมหาราษฏระและกรณาฏกะ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกอ้อยขนาดใหญ่ของอินเดีย อาจทำให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยของอินเดียในปีนี้ทำได้เพียง 31.7 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 3.4%
ขณะเดียวกันรัฐบาลอินเดียยังมีแผนจะนำน้ำตาลไปใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ หรือเอทานอล ในปีนี้เพิ่มขึ้นราว 9.8% จากปีก่อน คิดเป็นปริมาณราว 4.5 ล้านตัน
“ปัจจุบันอินเดียยังมีน้ำตาลเพียงพอสำหรับการใช้ภายในประเทศ แต่หากพิจารณาจากการห้ามส่งออกข้าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งสะท้อนว่ารัฐบาลอินเดียมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารและเงินเฟ้อภายในประเทศ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่รัฐบาลอาจพิจารณาสั่งห้ามการส่งออกน้ำตาลเพิ่มขึ้นอีกรายการ” อคาไมน์กล่าว
ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของ บรูโน ลิมา หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดน้ำตาลและเอทานอลของ StoneX ที่ระบุว่า ด้วยกำลังการผลิตน้ำตาลของอินเดียในปีนี้อาจทำให้รัฐบาลตัดสินใจระงับการส่งออกเป็นการชั่วคราว แต่สถานการณ์ดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับปริมาณการนำน้ำตาลไปใช้ผลิตเอทานอลของอินเดียด้วยว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเพียงใด
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่ผ่านมา อินเดียเคยจำกัดการส่งออกน้ำตาลเอาไว้ที่ 11 ล้านตัน ก่อนจะปรับลดสัดส่วนลงมาเหลือ 6 ล้านตันในฤดูกาลผลิตล่าสุด โดยล่าสุดทั้ง Tropical Research Services และ StoneX ได้ประเมินตรงกันว่า มีโอกาสที่อินเดียจะจำกัดการส่งออกน้ำตาลในปีนี้เหลือ 2-3 ล้านตัน แต่การสั่งห้ามส่งออกเลยก็ยังมีความเป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งผลที่ตามมาย่อมหนีไม่พ้นราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น
นับจากต้นปีที่ผ่านมาราคาน้ำตาลในตลาดโลกได้ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้วราว 20% โดยเคยพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 26.83 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ก่อนราคาจะค่อยๆ ย่อตัวลงจนมาอยู่ที่ 23.69 เซนต์ต่อปอนด์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อคาไมน์ยังระบุด้วยว่า ความแห้งแล้งในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลก อาจส่งผลให้ราคาน้ำตาลพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 25-27.5 เซนต์ต่อปอนด์ในฤดูกาลเก็บเกี่ยวหน้า
อ้างอิง: