วันนี้ (12 กันยายน) การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ที่มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ มงคล สุระสัจจะ ประธานสมาชิกวุฒิสภา ในวาระพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ที่มี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำอ่านคำแถลงในวันแรก
กว่า 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา มี ครม., สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้าร่วมอภิปรายทั้งสนับสนุน ค้าน และตั้งคำถามต่อนโยบายรัฐบาล เช่น ศิริกัญญา ตันสกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่านโยบายของรัฐบาลแพทองธารไม่ค่อยต่างอะไรกับรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็น GPS ที่พาเราหลงทาง ใช้คำกว้างๆ ใช้คำว่าเร่งรัด แต่ไม่ได้บอกว่าจะเสร็จเมื่อใด
ศิริกัญญายังโฟกัสอยู่ที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยระบุว่า ในการแถลงนโยบายรอบนี้ คำว่า 10,000 บาทหายไป ขณะเดียวกันก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายรอบ และคาดว่าจะเปลี่ยนแปลงอีก จนถึงตอนนี้เป็นรอบที่ 7 แล้ว เพราะงบกลางของปี 2567 มีเท่าไรก็เอามาแจกก่อน จ่ายเป็นเงินสด ส่วนที่เหลือก็พยายามจะแบ่งงบปี 2568 หาทางกู้เงินเพิ่ม ตัดลดงบชำระหนี้ ก็ยังได้เงินไม่พอที่จะจ่ายให้ครบ 45 ล้านคนอยู่ดี
“วันนี้จึงอยากฟังให้ชัดๆ ว่าตกลงแล้วโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะไปสุดที่ตรงไหน เพราะอีก 3 วันคือวันที่ 15 กันยายนนี้ จะหมดเขตลงทะเบียน และหากประชาชนคนใดยังไม่ได้ลงทะเบียนก็ช่วยมาลงทะเบียน จะได้รู้แน่ว่าสรุปแล้วกลุ่มเป้าหมายมีกี่คน และจะหาเงินมาจากไหน จะยังแจกคนละ 10,000 บาทอยู่หรือไม่ และจะแจกเป็นเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ต”
กลุ่มเปราะบางรับเงินหมื่น 25 กันยายนนี้
ขณะที่ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่ำ ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ศักยภาพจะยิ่งอ่อนด้อยลง ปัญหาจะยิ่งลุกลาม ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ถ้าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเวลานี้ น่าจะมีแนวความคิดในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการจะแก้ไขปัญหาเราต้องอยู่ในสภาพที่ฟื้นฟูก่อนแล้วค่อยสร้าง วันนี้รัฐบาลจึงต้องตัดสินใจดำเนินนโยบายต่างๆ แบบรอเวลาไม่ได้ เราต้องฟื้นฟูและเสริมสร้างขึ้นมาใหม่พร้อมๆ กัน
ในส่วนของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เรามีแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันทางรัฐเพื่อสร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจเท่าเทียมกัน สิ่งเหล่านี้แม้ไม่ง่าย แต่เมื่อมีหนี้ทุกคนหายใจไม่สะดวก เราจึงต้องเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ พร้อมกับต้องคำนึงถึงความพร้อมของระบบ และคำนึงถึงเงินในกระเป๋า รัฐบาลคิดแล้วว่าจะทำให้เร็วที่สุด โดยรอบแรกจะเป็นเงิน 10,000 บาท จำนวน 14.2 ล้านคน วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งเราน่าจะสามารถกดปุ่มเคาะระฆังให้เงินก้อนแรกไหลได้วันที่ 25 กันยายนนี้
นายกฯ ขออย่าเป็นฝ่ายค้านที่มีแต่ความแค้น
แพทองธารกล่าวชี้แจงว่า ตนเข้าใจฝ่ายค้านอย่างลึกซึ้ง เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อหลายปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็เคยได้เสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านมาด้วยกันยาวนานถึง 4 ปี พวกเรายังจำได้และเข้าใจในจุดนี้ แต่วันนี้การที่พรรคเพื่อไทยได้รับเลือก ประชาชนจำนวน 10.9 ล้านคนที่เลือกเรามา นั่นคือเสียงของประชาชนเช่นกัน หรือเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ก็เป็นเสียงจากประชาชนเช่นกัน ไม่มีเสียงไหนที่ไม่มีศักดิ์ศรีหรือด้อยศักดิ์ศรีไปกว่ากัน
แพทองธารกล่าวอีกว่า ตนจึงอยากขอให้เพื่อนสมาชิกทุกคนในที่แห่งนี้ร่วมกันอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างวาทกรรม ไม่สร้างความเกลียดชัง และไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องหัวข้อต่างๆ เราควรจะร่วมมือกันเพื่อผ่านวิกฤตต่างๆ ของประเทศชาติไปด้วยกัน โดยไม่ใช่การสร้างความเกลียดชัง ไม่อยากให้ฝ่ายค้านมีแต่เรื่องคับแค้นจนกลายเป็นฝ่ายแค้นแทน เราไม่ต้องแค้นกัน แต่เราต้องเข้าใจกัน เพื่อให้เราสามารถอยู่ในสภาแห่งนี้ด้วยหลักของความเข้าใจและความถูกต้อง
