วันนี้ (10 ก.ค.) ชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ออกมาเปิดเผยตัวเลขสินค้านำเข้าไทยประจำเดือนมิถุนายน โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้องทั้งหมดมีจำนวนกว่า 1,798 แฟ้มคดี ซึ่งแบ่งเป็นคดีลักลอบ 451 คดี, คดีหลีกเลี่ยงอากร 1,233 คดี และคดีสินค้าต้องห้าม 114 คดี หรือคิดเป็นมูลค่าของกลางรวมกว่า 514 ล้านบาท
โดยประชาชนที่ทราบเบาะแสการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่กรมศุลกากร หรือสำนักงานศุลกากรทุกแห่งทั่วประเทศ โดยกรมฯ จะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ
นอกจากนี้ กรมศุลกากร ยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเศษพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน เนื่องจากทราบว่ามีแนวโน้มการนำเข้าโดยไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ จึงได้วิเคราะห์สถานการณ์และเข้าตรวจสอบพร้อมสั่งการให้ด่านศุลกากรทุกแห่ง เข้มงวดในการตรวจสอบมากยิ่งขึ้น โดยปี 2561 ถึง พฤษภาคม 2562 กรมศุลกากรได้จับกุมคดีลักลอบและหลีกเลี่ยงการนำเข้าเศษพลาสติกแล้วจำนวน 103 คดี ซึ่งมีน้ำหนักรวม 4,043 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “กรมศุลกากรได้ดำเนินการขยายเวลาโครงการรับชำระค่าภาษีอากรเพิ่ม ณ จุดเดียว ซึ่งมีผลตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2562 ถึง 30 เมษายน 2563 เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สุจริตได้รับความสะดวกในการชำระค่าอากรและค่าภาษีอื่นๆ ที่ขาดให้ครบถ้วน โดยสามารถชำระได้ที่กองตรวจสอบอากรและกรมศุลกากร โดยไม่ต้องไปดำเนินพิธีการตามท่าเรือต่างๆ อีกทั้งผู้ประกอบการยังไม่ต้องเสียเบี้ยปรับค่าอากร แต่ยังคงต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย”
โดยที่ผ่านมามีกลุ่มมิจฉาชีพ หาวิธีการแอบอ้างชื่อกรมศุลกากรทำการหลอกลวงผู้เสียหายไปแล้วหลายกรณี เพื่อความปลอดภัย กรมศุลกากร จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีผู้แอบอ้าง เพื่อธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: