ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ จากเด็กหนุ่มหน้าตี๋ เดินเข้าสู่วงการด้วยการเป็นนายแบบ และย่างก้าวล่าสุดคือการเป็นนักแสดง ซึ่งเขาต้องแลกมาด้วยความมุมานะ อย่างที่เราได้เห็นพัฒนาการจากบทเด็กปั๊มสุดหล่อในซีรีส์ แก๊สโซฮัก..รักเต็มถัง หรือการรับบทเป็นสจ๊วต คนรักของคิม ในซีรีส์ ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะ ซีรีส์

 

มาจนถึงผลงานเรื่องใหม่ที่เพิ่งลงจอให้ได้ชม ‘The Collector คนประกอบผี’ ไอซ์ซึรับบท ปาย นักเขียนการ์ตูนหนุ่มโรคจิตที่ผิดหวังในความรัก และบังเอิญไปพบเข้ากับคดีฆาตกรรมที่ซับซ้อน อันเป็นชนวนเหตุให้เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวจนถอนตัวไม่ขึ้น ความยากไม่ได้อยู่แค่การแสดงตามบทบาท แต่รวมไปถึงการเปลี่ยนคาแรกเตอร์ให้ตรงกับตัวละคร ซึ่งไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะลดน้ำหนัก 14 กิโลกรัมเพื่อให้ผอมโกรก ราวกับว่าตัวละครนี้มีตัวตนอยู่จริง

 

THE STANDARD จะพาคุณไปทำความรู้จักอีกย่างก้าวของผู้ชายคนนี้ ที่ตั้งใจกับการทำงานเพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า นักแสดงคุณภาพ

 

 

เล่าถึงผลงานในซีรีส์เรื่อง The Collector คนประกอบผี สักหน่อย

เรื่องนี้ผมรับบทเป็นนักเขียนการ์ตูนแนวดาร์กๆ หน่อย วาดการ์ตูนเกี่ยวกับสัตว์ประหลาด ปีศาจ อะไรพวกนี้ ตัวละครค่อนข้างดาร์กพอสมควร เพราะเขาโดนแฟนทิ้ง จนอยู่มาวันหนึ่งไปเจอกับชิ้นส่วนศพที่คิดว่าเป็นของแฟนตัวเอง เพราะเห็นรายละเอียดบางอย่าง ซึ่งในเรื่องตัวละครจะไปตามสืบว่าใครเป็นคนที่ทำร้ายแฟนเรา

 

ครั้งแรกที่ได้อ่านบทเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้เล่นโปรเจกต์นี้ คือเรารู้ว่าเป็นบทของ พี่เอก-เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ เขาเป็นคนเขียนบทหนังเรื่อง 13 เกมสยอง มันยิ่งใหญ่มาก เราตื่นเต้นและดีใจมาก แค่รู้ทีแรกก็อยากเล่นแล้ว แต่พอได้อ่านบทก็รู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ค่อนข้างหนักหน่วงพอสมควร เพราะมันมีอารมณ์ค่อนข้างดาร์กซึ่งยากมาก ผมก็เริ่มแพนิก ทำยังไงดีให้เข้าถึงตัวละครนี้ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วผมห่างไกลจากตัวละครนี้มากพอสมควร กลายเป็นว่าบทนี้กลายเป็นงานหนักสำหรับเรา เป็นภาระที่เราต้องแบกรับเอาไว้

 

ทำไมถึงเป็นไอซ์ซึในการรับบทสำคัญครั้งนี้

ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ที่มีมานานพอสมควรครับ ใช้เวลาเขียนบท 1-2 ปี ซึ่งทางพี่โปรดิวเซอร์มาคุยกับผมไว้เมื่อปีก่อน เขาเคยร่วมงานกับผมในซีรีส์เรื่องแรกที่ผมเล่น แก๊สโซฮัก..รักเต็มถัง เรื่องต่อมาก็ได้ร่วมงานกันอีกคือ ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะ ซีรีส์ ซีซัน 2 เหมือนเขาให้ความไว้ใจเรา ให้เราลองมารับบทนี้ดู ก็เลยกลายเป็นจับพลัดจับผลูได้เล่นเรื่องนี้ตั้งแต่แรกครับ

 

 

คาแรกเตอร์ที่ได้รับทำให้ต้องลดน้ำหนัก ความคิดแรกในหัวคืออะไรเมื่อรู้ว่าต้องเปลี่ยนรูปร่างตัวเองขนาดนั้น

ความคิดแรกของผมคือ คงไม่ได้กินอะไรแน่ๆ 3-4 เดือนหลังจากนี้ (หัวเราะ) แต่ที่ตื่นเต้นคือ ผมอยากรู้ว่าต้องลดเท่าไร เพราะไม่รู้ว่าตัวละครนี้จำเป็นต้องน้ำหนักตัวแค่ไหน อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ผมเล่นเรื่อง ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะ ซีรีส์ ผมเพิ่งเพิ่มกล้ามขึ้นมาประมาณ 6-7 กิโลกรัมเลย พอมาเรื่องนี้เป็นนักเขียนการ์ตูน เขาอยู่แต่บ้าน เขียนการ์ตูน นอนน้อย ไม่ได้ออกไปฟิตเนส ไม่ออกกำลังกาย กล้ามไม่มี เราก็เลยต้องหาทางที่จะเข้าสู่ตัวละครนี้ให้ได้

 

ทางผู้กำกับกับพี่โปรดิวเซอร์เขาก็บอกให้เราไปลองลดมาดูก่อน ซึ่งเราก็เริ่มจากครั้งแรกที่ลดไป 5 กิโลกรัม เขาก็บอกว่าไม่พอ เราก็เริ่มเครียดหนักแล้วว่าเอายังไงดี ผมก็กลับไปทำการบ้านมาใหม่ ทีนี้ลดน้ำหนักมากกว่าเดิมอีกครั้ง จนวันก่อนเวิร์กช็อป ผมลดไปประมาณ 14 กิโลกรัม เหลือน้ำหนัก 56 กิโลกรัม ซึ่งเหมาะกับการถ่ายซีรีส์ตัวละครนี้ ผมใช้เวลาประมาณเดือนครึ่งในการลดน้ำหนักไป 14 กิโลกรัม ซึ่งวิธีที่ผมใช้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร

 

 

ปกติไอซ์ซึเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรูปร่างตัวเองมาก พอต้องมารับบทที่ผอมมากๆ แบบนี้ จัดการกับความคิดตัวเองอย่างไร

ผมว่ามันอยู่ที่การทำการบ้านของแต่ละตัวละครครับ ระหว่างที่เราลด เราก็เริ่มฝังความคิดของตัวละครลงไปในตัวเองเรื่อยๆ อย่างเช่น ตัวละครนี้เป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่ชอบรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง เราก็ค่อยๆ ฝังเข้าไป พอเรามองกระจกปุ๊บ เราก็ไม่ค่อยกล้ามองกล้าส่อง ปกติเราจะส่องกระจกก่อนออกจากบ้าน แต่งตัวแบบนี้ มิกซ์ชุดแบบนี้ สนุกมากเลย แต่พอมาเป็นตัวละครนี้แทบจะไม่มองกระจกเลย มันเป็นการฝังความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ลงไปด้วย พอเราเชื่อ มันจึงทำให้เรื่องของการลดน้ำหนักง่ายขึ้น

 

ส่วนไหนที่ยากที่สุดของการลดน้ำหนัก

ต้องบอกเลยว่าที่ยากที่สุดคือช่วงแรก ที่เรายังมีความอยากกินและมีความท้อ กว่าจะถ่ายซีรีส์ยังเหลืออีกตั้ง 2-3 เดือน เราจะอยู่ยังไง เห็นเพื่อนนั่งกินข้าว เราก็อยากกิน ช่วงแรกยากมากครับ แต่พอหลังจากร่างกายเริ่มชินมันก็โอเค เริ่มอยู่ตัวแล้ว

 

อีกอย่างที่ยากเพราะมีเวลากระชั้นชิดแค่เดือนครึ่ง ผมคิดไว้ว่าจะลด 14 กิโลกรัม ก็มาวางแผนว่าในแต่ละวันผมควรจะลดได้กี่กิโลกรัม สรุปว่า 3 วันลด 1 กิโลกรัม เดือนหนึ่งลด 10 กิโลกรัม อีกครึ่งเดือนลด 4 กิโลกรัม ครบพอดี ยิ่งวางแผนเอาไว้ มันยิ่งกลายเป็นความเครียด ความกดดันที่เราต้องทำให้ได้

 

 

ความรู้สึกเมื่อเห็นตัวเองหลังจากลดน้ำหนักไป 14 กิโลกรัม

สำหรับผม ตอนนั้นมีหลายความรู้สึก ทั้งภูมิใจที่เราทำได้มาถึงจุดนี้แล้ว เชื่อว่าเราเป็นตัวละครตัวนี้ เราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครนี้ได้แล้ว อีกส่วนหนึ่งความรู้สึกคือ รู้สึกเศร้า คือเศร้าในตัวละคร เพราะว่าเขามีชีวิตค่อนข้างล้มเหลวมาก

 

มีอยู่ซีนหนึ่งที่เขามองกระจกแล้วแบบ โห ชีวิตเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง มันก็เป็นความเศร้าที่เชื่อมกับตัวละครในเรื่อง ซึ่งมันก็ช่วยในเรื่องการแสดงมากขึ้น ผมรู้เลยว่าการลดน้ำหนักเพื่อตัวละครนี้เป็นอะไรที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะมันเปลี่ยนทั้งวิธีการพูด การมองโลก การอยู่กับคนอื่นรอบข้าง เวลาผมไปที่ออฟฟิศ GDH คนรอบข้างก็จะมองผมด้วยสายตาที่ไม่เคยมองมาก่อน มันมีผลต่อการที่เรารีแอ็กกับเขา เขารีแอ็กกับเรา ซึ่งมันก็เอามาช่วยในการแสดงได้เยอะเลยครับ

 

 

ถ้าเรื่องต่อไปมีคนติดต่อเข้ามา แต่ไอซ์ซึจะต้องอ้วนถึง 100 กิโลกรัม คิดว่าจะยอมทำไหม

ผมว่ามันอยู่ที่เรื่องที่เล่ามากกว่า ถ้าทางผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ทีมงาน รู้สึกว่าเราต้องไปถึงจุดนั้นเพื่อจะถ่ายทอดเรื่องราวนี้ ผมก็ยอมทำนะครับ เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการครีเอตผลงานเพื่อใช้ในการเล่าเรื่อง แล้วอีกอย่างผมอยากกิน ตอนนี้ผมกลายเป็นกินได้น้อยมากไปเลย ซึ่งมันกลายเป็นปัญหาอีกอย่างเหมือนกัน พอจะเพิ่มน้ำหนักกลับไปที่ 65 กิโลกรัมเหมือนเดิม แต่เรายังติดกับความคิดว่าต้องผอม พอไปกินมื้อเช้าข้าวหมูกระเทียมไข่ดาว ผมจุกจนตอนกลางคืนหลับไม่ลงไปเลย กลายเป็นว่าการเพิ่มน้ำหนักยากพอๆ กับการลดน้ำหนักเลยครับ

 

ผลงานที่เกิดจากความพยายามของคุณกำลังออนแอร์แล้ว สำหรับไอซ์ซึที่ผ่านอะไรมามากมาย ความรู้สึกเป็นอย่างไร

การแสดงซีรีส์เรื่องนี้ มันทั้งเป็นการท้าทายตัวเอง การพิสูจน์ให้คนที่ไว้ใจผม ทีมผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ทีมเขียนบท รวมทั้งทีมงานทุกคนได้เห็นว่าเราสามารถถ่ายทอดตัวละครตัวนี้ได้ ทำให้เขาทำงานได้ง่ายขึ้น เลยรู้สึกภูมิใจ เป็นการพิสูจน์ตัวเองที่ทำให้เราก้าวข้ามมันไปได้ เป็นบทเรียนที่ทำให้รู้ว่าเรามาทางนี้ เราเต็มที่กับมัน ทำดีที่สุดแล้วในการทำหน้าที่นักแสดงครับ

 

 

Style: ฐิติกาญจน์ กาญจนภักดี