“ข้อตกลงปารีสเกิดขึ้นมา 6 ปีแล้ว แต่ 6 ปีที่ผ่านมากลับเป็น 6 ปีที่โลกร้อนที่สุดและยังคงร้อนขึ้นเรื่อยๆ”
นี่เป็นหนึ่งในวาทะของ อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ในงานประชุม COP26 หรือการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 ณ เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ ที่ตีแสกหน้าคนทั่งโลกให้ต้องฉุกคิดว่า พวกเราจริงจังกับการช่วยโลกหรือเปล่า?
แนวทางการแก้ปัญหาและเป้าหมายที่จะรักษาโลกใบเดียวที่มีให้ยังคงหมุนต่อไปได้เพื่อคนรุ่นหลังถูกประกาศบนเวทีมากมาย แต่ละประเทศมีหลากแนวทาง แต่ความเห็นเดียวที่ตรงกันคือ “ถึงเวลาต้องจริงจังเสียทีในการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก”
“พอกันทีกับการฆ่าตัวเราเองด้วยคาร์บอน” ถ้าคุณเห็นตรงกันกับวาทะของอันโตนิโอ คุณคงอยากรู้สารพัดวิธีให้ตัวเองรอดพ้นจากอันตรายของมันด้วยเช่นกัน วิธีที่ง่ายที่สุดและทำได้ทันทีคือ ‘ใช้วัสดุที่นำไปรีไซเคิลได้’
แค่ใช้วัสดุรีไซเคิลก็ช่วยโลกได้…จริงหรือ?
เล่าง่ายๆ ของใช้ทุกอย่างรอบตัวเราต้องผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น จากทรายมาเป็นแก้ว จากต้นไม้มาเป็นกระดาษ พลังงานในการแปรรูปนั้นเองที่ทำให้เกิดการผลิตก๊าซเรือนกระจกหรือเทียบกับการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2e) ทว่า การรีไซเคิลวัสดุทุกชนิดให้กลายเป็นวัตถุดิบใหม่ใช้พลังงานน้อยกว่า จึงก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า
และบรรดาขยะรีไซเคิลหลากชนิดบนโลกใบนี้ ‘ขยะอะลูมิเนียม’ เป็นขยะที่ถูกนำมารีไซเคิลมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยมีอัตราการรีไซเคิลวัสดุชนิดนี้สูงกว่า 90% เลยทีเดียว
‘กระป๋องอะลูมิเนียม’ บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เทรนด์ที่มาแรงในต่างประเทศ
คุณสมบัติเด่นของกระป๋องอะลูมิเนียมที่ทำให้มันกลายเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ก็ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวที่กักเก็บความเย็นได้เร็วและนาน ทนต่อการกัดกร่อน เนื่องจากเป็นวัสดุทึบแสง จึงป้องกันแสงแดด ความชื้น อากาศ และกลิ่น ได้ดี ช่วยรักษารสชาติและคุณภาพของเครื่องดื่มได้ยาวนาน อย่าง ‘Blue Can Water’ แบรนด์น้ำดื่มจากแคลิฟอร์เนีย มีการรับรองจากห้องแล็บว่าน้ำที่บรรจุในกระป๋องอะลูมิเนียมสามารถเก็บได้นานถึง 50 ปี โดยที่คุณภาพและรสชาติของน้ำไม่เปลี่ยนแปลง หรือ ‘Enjoy Water’ น้ำแร่จากแหล่งน้ำธรรมชาติแบรนด์ออสเตรเลีย ที่เปลี่ยนจากขวดพลาสติกมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียมแทน ตามพันธกิจสร้างทางเลือกที่ยั่งยืนเพื่อสร้างความตระหนักลดการใช้พลาสติกแก่ผู้บริโภค แม้ว่าวัสดุอะลูมิเนียมจะมีข้อจำกัดด้านราคา แต่เชื่อว่าแบรนด์ที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังจะเห็นถึงผลลัพธ์ที่ดีต่อโลกในระยะยาว
อย่างที่บอกไป ขยะอะลูมิเนียมสามารถนำกลับมารีไซเคิลทุกส่วน 100% ได้ไม่รู้จบ และกว่า 75% ของอะลูมิเนียมที่เคยสกัดตั้งแต่ปี 1854 ยังถูกนำกลับมาใช้ซ้ำจนถึงทุกวันนี้
‘กระป๋องอะลูมิเนียม’ รีไซเคิลได้ 100% หลอมกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม
คุณสมบัติเด่นของอะลูมิเนียมคือ มีจุดหลอมเหลวต่ำกว่าโลหะอื่นๆ จึงสามารถรีไซเคิลได้ทุกส่วน 100% ด้วยการนำมาหลอมใหม่และนำกลับไปใช้ได้อีกไม่รู้จบ ที่สำคัญหลอมกี่ครั้งก็ยังคงสภาพการใช้งานเหมือนเดิม แถมใช้พลังงานในการรีไซเคิลต่ำกว่าการสกัดแร่ใหม่ถึง 95% และถ้ายิ่งเพิ่มอัตราส่วนวัสดุรีไซเคิลในการผลิตกระป๋อง Carbon Footprint ก็จะต่ำลงเรื่อยๆ รวมถึงช่วยลดพื้นที่การฝังกลบขยะ คำนวณง่ายๆ ภายใน 1 ปีของการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมจะช่วยลดพื้นที่ฝังกลบขยะได้ถึง 500 ตัน และหากนำไปรีไซเคิลเพียงวันละ 1 กระป๋อง ใน 1 ปี จะเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 3.3 ต้นเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ใช้เวลาเพียง 60 วันในการรีไซเคิลกระป๋องเพื่อนำกลับไปบรรจุเครื่องดื่มสำหรับจำหน่าย เริ่มตั้งแต่การนำกระป๋องเข้าสู่กระบวนการคัดแยกสิ่งแปลกปลอมก่อนนำไปบดให้มีขนาดเล็กและอัดบีบเป็นก้อนสี่เหลี่ยม จากนั้นจึงหั่นย่อย (Shredding) เศษอะลูมิเนียมให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนส่งไปเผาขจัดสีและทำความสะอาดจากสิ่งปนเปื้อน (De-Lacquering) ตามด้วยการสับและบดให้ละเอียด (Grinding) เพื่อแยกขนาดอะลูมิเนียมที่มาจากตัวกระป๋องและจากฝาออกจากกัน แล้วจึงบีบอัดและรีดให้มีลักษณะเป็นแผ่นหนา
จากนั้นนำเข้ากระบวนการหลอมในเตาหลอมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 730 องศาเซลเซียส และหล่อขึ้นรูปใหม่ในลักษณะแท่งอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ ก่อนจะผ่านเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อรีดให้ได้ม้วนอะลูมิเนียมบางเฉียบ แล้วจึงม้วนเป็น Aluminium Coil ตามด้วยการเคลือบผิวเพื่อขจัดคราบไขมันและทำให้ผิวอะลูมิเนียมทนต่อการสึกกร่อน เพื่อนำกลับไปเป็นวัตถุดิบในการขึ้นรูปกระป๋องอะลูมิเนียม และปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจึงปรับกระป๋องอะลูมิเนียมให้บางลงเพื่อลดการใช้ทรัพยากร อะลูมิเนียมรีไซเคิล 1 กิโลกรัม สามารถผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมได้มากถึง 70 กระป๋อง จากเดิมที่ผลิตได้เพียง 48 กระป๋อง
แค่เลือกใช้ ‘กระป๋องอะลูมิเนียม’ ยังไม่พอ ต้องส่งกลับคืนสู่กระบวนการรีไซเคิลด้วย
ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีนวัตกรรมและกระบวนการจัดการขยะกระป๋องอะลูมิเนียมที่ได้มาตรฐานระดับสากลและครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ทันสมัย ช่วยเปลี่ยนขยะอะลูมิเนียมให้กลับมาเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ นำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 100%
เมื่อประเทศไทยมีความพร้อมในการจัดการขยะอะลูมิเนียมได้อย่างครบวงจรเช่นนี้ ที่เหลือก็เป็นหน้าของทุกคนที่จะช่วยผลักดันกระบวนการรีไซเคิลเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีที่ง่ายที่สุดและทำได้ทันทีคือ เลือกใช้วัสดุที่นำไปรีไซเคิลได้อย่างกระป๋องอะลูมิเนียม
แค่ใช้อย่างเดียวยังไม่พอ ต้องนำกระป๋องอะลูมิเนียมเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ล้างให้สะอาด คว่ำให้แห้ง แล้วบีบให้แบนเพื่อประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บและขนส่ง จะส่งต่อให้ซาเล้งเพื่อให้เขานำไปขายต่อ หรือส่งคืนยังจุดรับกระป๋องอะลูมิเนียมใช้แล้วที่ห้าง BigC กว่า 197 สาขาทั่วประเทศ, ร้าน Refill Station, กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และจุดรับในเครือ Fraser Property ได้แก่ Mitrtown Office Tower, Sathorn Square, Park Ventures, FYI Center และ Golden Land ก็ได้เช่นกัน
แต่ก่อนจะส่งคืนกระป๋องอะลูมิเนียม อย่าลืมสังเกต 2 จุดสำคัญ ได้แก่
- ดูก้นกระป๋อง: สังเกตง่ายๆ ก้นกระป๋องอะลูมิเนียมจะเว้าและอ่อนตัวกว่ากระป๋องเหล็ก
- ดูสัญลักษณ์ Aluminium Loop: ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้เรารู้ว่านี่คือบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ในลักษณะ Closed Loop Recycling
และไม่ว่าคุณจะเลือกส่งกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลด้วยวิธีไหนก็ช่วยโลกได้ทุกมิติ ทั้งช่วยสร้างรายได้ให้กับคนรับซื้อ เพราะตอนนี้อะลูมิเนียม 1 กิโลกรัม ขายได้ราคามากกว่า 60 บาท ช่วยลดปริมาณขยะ ลดการสร้างคาร์บอน และเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
“โลกใบนี้ ดาวเคราะห์ดวงนี้ ต้องการการลงมือของพวกเราในตอนนี้ ไม่ใช่ปีหน้า ไม่ใช่ทศวรรษหน้า” ถ้าคุณเห็นด้วยกับ มีอา มอตต์ลีย์ นายกรัฐมนตรีบาร์เบโดส ที่กล่าวในงานประชุม COP26
คุณต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้!
