วันนี้ (18 พฤศจิกายน) ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ เรื่อง การจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ/หรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) โดยระบุรายละเอียดว่า
จากเหตุสลายการชุมนุมของคณะราษฎรและการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับมวลชนอีกฝ่ายเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ศูนย์เอราวัณรายงานยอดผู้บาดเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาล รวม 41 ราย ได้แก่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 37 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 1 ราย โรงพยาบาลพระรามเก้า 2 ราย และโรงพยาบาลเพชรเวช 1 ราย ในจำนวนนี้ เบื้องต้นพบบาดแผลถูกยิงรวม 5 ราย ได้แก่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 1 ราย (บาดแผลที่ขา) โรงพยาบาลรามาธิบดี 1 ราย (บาดแผลที่ข้อมือ) โรงพยาบาลพระรามเก้า 2 ราย (บาดแผลที่ขา) และโรงพยาบาลเพชรเวช 1 ราย (บาดแผลที่ท้อง)
ในการชุมนุมหลายครั้งก่อนเหตุการณ์วันที่ 17 พฤศจิกายน มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิสูจน์ทราบได้ว่าจะเกิดการทำร้ายร่างกายระหว่างที่มีการเผชิญหน้าของมวลชนทั้งสองกลุ่ม ผบ.ตร. หรือ ผบช.น. สามารถออกคำสั่งให้มีการดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ณ จุดที่มีมวลชนทั้งสองฝ่ายปักหลักอยู่ ดังจะเห็นได้จากภาพข่าวที่สื่อมวลชนรายงาน ปรากฏชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวกั้นอยู่ระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ต่อมากลับมีการถอนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจุดดังกล่าว จนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายในเวลาประมาณ 17.00 น. เศษ แต่ท่านก็ยังเพิกเฉย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าระงับเหตุ จนกระทั่งมีการปะทะกันอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เศษ ทำให้ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรได้รับบาดเจ็บ และเป็นการบาดเจ็บที่เกิดจากกระสุนปืนถึง 5 ราย
ข้อเท็จจริงดังกล่าวถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ/หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งท่านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
และในเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (18 พฤศจิกายน) จะมีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรบริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งท่านมีหน้าที่ตามกฎหมายในการป้องกันเหตุอันตรายโดยการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยในการชุมนุม หากท่านยังละเลย ปล่อยให้มีการใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรงจนเกิดเหตุปะทะกันดังที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ย่อมเป็นการจงใจลิดรอนเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชนโดยอาศัยมวลชนอีกฝ่ายเป็นเครื่องมือใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างความหวาดกลัว
พฤติการณ์ของท่านดังกล่าวข้างต้น ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนจะได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์หรือฟ้องคดีอาญาท่านตามกฎหมายต่อไป
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า