×

Huawei เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานในไทยและเอเชียแปซิฟิก ย้ำความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญที่สุด ต้องเก็บไว้ภายในประเทศเท่านั้น

18.11.2021
  • LOADING...
Huawei

Huawei เตรียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่าง 5G, เทคโนโลยีคลาวด์ และ AI ในเอเชียแปซิฟิกรวมทั้งในไทยด้วย โดยเปิดตัวในงาน ‘POWERING DIGITAL THAILAND 2022’ ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมือกับบริษัท บางกอกโพสต์ จำกัด (มหาชน), มูลนิธิอาเซียน และพาร์ตเนอร์ทั้งภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมไอซีทีอีกกว่า 50 รายทั่วไทย

 

หลินไป่เฟิง ประธานบริหารหัวเว่ยเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ทาง Huawei เองมองว่าตลาดเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่สำคัญและมีศักยภาพเติบโตอย่างมาก และการแพร่ระบาดใหญ่ทำให้พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไป ทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเรามองว่าอาเซียนจะมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่ใน 5 อันดับแรกของโลกภายในปี 2025 รวมถึงจะมีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 32 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030 อีกด้วย”

 

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า “มีงานวิจัยของ Global Intelligence Index พบว่า ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้จะยังขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีมากถึง 47 ล้านคนภายในปี 2030 โดย Huawei จะให้การสนับสนุนในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคนี้ โดยเราจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียแปซิฟิกรวมถึงไทยให้มีความเชื่อมต่อกัน รวมถึงพัฒนา 5G, เทคโนโลยีคลาวด์ และ AI ซึ่งเราจะพัฒนาเทคโนโลยีให้ครอบคลุมทั่วถึง เพื่อไม่ให้มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นอกจากนั้นเรายังจะพัฒนาเทคโนโลยีช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในภูมิภาคนี้อีกด้วย โดยเป้าหมายเราคือจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 80%”

 

อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหารหัวเว่ยเทคโนโลยีประเทศไทย กล่าวว่า “ในประเทศไทยมีการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตไวกว่า GDP ของประเทศ โดยไทยมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่และแบบไม่เคลื่อนที่เติบโตขึ้นถึง 10% และใช้บริการคลาวด์เพิ่มขึ้น 7% นอกจากนั้นการปรับเข้าสู่ดิจิทัลจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกลงถึง 10 เท่าอีกด้วย

 

“งานวิจัยในไทยระบุว่า เทคโนโลยี 5G จะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นถึง 2.3 ล้านล้านบาท หรือ 10% ของ GDP ภายในปี 2035 ซึ่งเทคโนโลยี 5G นี้ ประเทศไทยถือว่าเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน มีผู้ใช้ 5G ในไทยถึง 43 ล้านคน โดย Huawei จะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยมีการใช้ 5G ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้นทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงเรากำลังเพิ่มการนำ 5G ไปใช้กับโรงงานต่างๆ กว่า 100 โรงงานในไทย

 

“นอกจากนั้นการใช้งานคลาวด์ในไทยมีการเพิ่มขึ้นถึง 78% ในปีนี้ ซึ่งประเด็นที่หลายคนกังวลคือการเก็บข้อมูล เรามองว่าในยุคนี้ข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นการเก็บข้อมูล หรือมี Data Center ภายในประเทศ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะเห็นได้ว่าหลายประเทศมีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลไว้ในประเทศแล้ว รวมถึงไทยเอง ซึ่ง Huawei ถือเป็นผู้ให้บริการเพียงเจ้าเดียวเท่านั้นที่มี Data Center เพื่อเก็บข้อมูลไว้ภายในประเทศต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการด้านการเก็บข้อมูลของประเทศนั้นๆ ซึ่งประเทศไทยมี Data Center ของ Huawei เพื่อเก็บข้อมูลให้อยู่ภายในประเทศถึง 3 แห่งแล้ว” 

 

ด้าน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า “นอกจากภาคประชาชนแล้ว ภาครัฐก็ต้องเป็นดิจิทัลด้วย ซึ่งในขณะนี้ไทยเรามียูนิคอร์นถึง 3 ตัวแล้ว และจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ จากการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ว่าจะด้านภาษีและด้านอื่นๆ”

 

ขณะที่ ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “ในขณะนี้โรงงานไทยมีการใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติ หรือ Automation อยู่ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ Huawei จะเข้ามาช่วยพัฒนาให้มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าขึ้นไปอีก นอกจากนั้นเรายังกำลังดูเรื่องโลกเสมือน หรือ Metaverse อยู่อีกด้วย”

 


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising