หลังเกิดข้อสงสัยและคำถามมากมายจากกรณีที่ หูจิ่นเทา อดีตประธานาธิบดีและผู้นำรุ่นที่ 4 ของจีน ถูกเชิญออกจากหอประชุมใหญ่ในระหว่างพิธีปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ จนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ล่าสุดสำนักข่าว Xinhua ของทางการจีนออกมายืนยันว่า เขาถูกนำตัวออกไปเพราะรู้สึกไม่สบาย
อย่างไรก็ตาม การที่หูวัย 79 ปีเดินออกไปในลักษณะที่ดูไม่เต็มใจนัก ก็ยังไม่ทำให้ผู้คนหายเคลือบแคลง พร้อมเกิดเครื่องหมายคำถามว่า แล้วทำไมเขาจึงไม่อยากลุกจากที่นั่ง?
เพราะในฟุตเทจวิดีโอเราจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยพยุงให้ลุกขึ้น แต่หูจิ่นเทาดูจะขัดขืนปฏิเสธ และท้ายที่สุดเมื่อยืนขึ้นแล้วเขาก็ยังไม่ไปไหน ก่อนที่สุดท้ายหูจะยอมเดินออกมาแบบไม่เต็มใจนัก หลังจากที่ก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับสีจิ้นผิงที่นั่งอยู่ข้างเขา ซึ่งสีจิ้นผิงก็พยักหน้าตอบรับทันที
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันปิดการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยในวันแรกของการประชุม หูจิ่นเทา ซึ่งมีท่าทางอ่อนแอ เดินเข้ามาในมหาศาลาประชาชนด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาถูกพาตัวออกไปในช่วงสุดท้ายของการประชุมเพราะปัญหาด้านสุขภาพจริง ทำไมจึงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันท่ามกลางกล้องหลายตัวที่จับภาพอยู่? หรือเป็นเหตุฉุกเฉินหรือไม่?
เว็บไซต์ BBC ระบุว่า ภาพวิดีโออีกเวอร์ชันหนึ่งที่ยาวกว่าแสดงให้เห็นว่า ลี่ซานซู่ และ หวังฮู่หนิง สองเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค ซึ่งนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของหูจิ่นเทา มีท่าทีกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในช่วงหนึ่ง ลี่พยายามที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ถูกหวังดึงเอาไว้ราวกับจะบอกว่า “อย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้”
ภาพวิดีโอในตอนหนึ่งยังเผยให้เห็นด้วยว่า หูเอื้อมมือไปหยิบกระดาษจดบันทึกของสีโดยไม่ตั้งใจ และมีท่าทางสับสน ก่อนที่สีจะจับมือของหูออกและดึงกระดาษกลับคืนมา
โดยปกติแล้ว การประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นเหตุการณ์ที่มีการเขียนบทเอาไว้แล้ว ทำให้เชื่อว่าการที่อดีตผู้นำจีนถูกเชิญตัวออกจากห้องประชุมกลางคันในช่วงสุดท้ายของการประชุมนั้นไม่น่าจะใช่อุบัติเหตุ
ในช่วงเช้าของวันเดียวกันนั้น หูจิ่นเทายังได้เข้าร่วมการประชุมแบบปิดซึ่งไม่มีกล้องบันทึกเหตุการณ์ ก่อนที่ในช่วงสุดท้ายของการประชุม ช่างภาพจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในห้อง และหลังจากที่ตั้งกล้องเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาหาหูและเชิญเขาออกไป
ปกติแล้วพรรคจะไม่เผยเรื่องส่วนตัวต่อสาธารณะ หากนี่เป็นการแสดงโดยเจตนา การเชิญอดีตผู้นำออกจากห้องประชุมก็อาจไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
หูจิ่นเทาเป็นประธานาธิบดีคนก่อนหน้าสีจิ้นผิง แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างมาก หูมีความเป็นผู้นำของส่วนรวม เขาต้องสร้างสมดุลระหว่างกลุ่มต่างๆ ในพรรค
ช่วงเวลาการดำรงตำแหน่งของหูคือระหว่างปี 2003-2013 ถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเปิดกว้างสู่โลกภายนอก และเพิ่มความอดทนของจีนต่อแนวคิดใหม่ๆ
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งในปี 2008 ถือเป็นจุดสูงสุดสำหรับการเปิดประเทศสู่สากล บริษัทต่างชาติเข้าไปตั้งธุรกิจ นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศ อินเทอร์เน็ตมีอิสระมากขึ้น สื่อท้องถิ่นเริ่มทำข่าวอย่างเหมาะสมรอบด้าน และชื่อเสียงของจีนในระดับโลกก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้บางคนเรียกยุคสมัยของหูว่า ‘สูญเปล่า’ แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงสิบปีนั้นเป็นตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง และปักกิ่งให้ความสำคัญกับชื่อเสียงในด้านอื่นๆ ด้วย
ตัดภาพมาที่สีจิ้นผิง เขานำพาประเทศไปในทิศทางที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
รัฐบาลปัจจุบันสนับสนุนการสร้างความรู้สึกชาตินิยม โดยไม่สนว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับการบริหารจัดการของรัฐบาล นอกจากข้อความที่ต้องการจะสื่อว่า “ถึงเวลาของจีนแล้ว และการแทรกแซงประเทศนี้ถือเป็นความเสี่ยงของคุณเอง”
ยุคสมัยนี้มีสีจิ้นผิงเป็นแกนกลางและไม่สามารถถูกท้าทายได้ ในฐานะเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สีกำจัดผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขาออกไปทั้งหมด ผ่านการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
และตอนนี้เขากำลังใช้การประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคเพื่อขจัดเศษซากที่เหลืออยู่ของกลุ่มคนที่เชื่อว่า จีนควรจะมีทางเลือกอื่นๆ ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
หลักฐานหนึ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ คือ การประกาศรายชื่อสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ (Central Committee) ชุดใหม่ ซึ่งปรากฏว่าไม่มีชื่อของ หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี และผู้นำเบอร์ 2 คนปัจจุบัน และไม่มีชื่อของ วังหยาง ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ อยู่ในคณะกรรมการ 205 คน โดยทั้งคู่ถูกมองว่าเป็นเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ และทั้งคู่เชื่อมโยงกับแนวคิดของฝ่ายบริหารในอดีต
สิ่งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่า คณะกรรมการประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee: PSC) ชุดใหม่ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ จะเต็มไปด้วยผู้ที่จงรักภักดีต่อสีจิ้นผิง เป็นการการันตีความต่อเนื่องของเส้นทางการบริหารประเทศของสีจิ้นผิง ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับการปฏิรูปและการเปิดประเทศในยุคของหูจิ่นเทา
ภาพ: Lintao Zhang / Getty Images
อ้างอิง: