×

วิธีเอาชนะเงินเฟ้อของนักลงทุนมืออาชีพ เมื่อราคาสินค้าพุ่ง 3.5% เผยเคล็ดลับรักษามูลค่าเงินออมด้วยพันธบัตรพิเศษ พร้อมรับมือเศรษฐกิจผันผวน

19.02.2025
  • LOADING...

ความจริงอันโหดร้ายของเงินเฟ้อกำลังปรากฏชัด! ล่าสุดดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐอเมริกาที่รายงานเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 3% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตพุ่งแรงถึง 3.5% สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อเงินเฟ้อเริ่มต้นแล้ว มันเหมือนไฟลามทุ่งที่หยุดยั้งได้ยาก ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและการออมของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมราคาไข่ที่พุ่งสูงจึงไม่ใช่ตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่แท้จริง นักเศรษฐศาสตร์อธิบายว่า มันเป็นเพียงปัญหาอุปสงค์-อุปทานจากการระบาดของไข้หวัดนก ไม่ได้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน เห็นได้จากราคาอาหารโดยรวมเพิ่มขึ้นเพียง 2.5% เท่านั้น แต่ผลกระทบที่น่ากังวลคือการที่เงินเฟ้อส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ย ทำให้การผ่อนบ้านแพงขึ้นและราคาพันธบัตรร่วงลง

 

อย่างไรก็ตาม บทความจาก Forbes ระบุถึงข่าวดีสำหรับนักลงทุนและผู้ออมในสหรัฐฯ เพราะปัจจุบันมีเครื่องมือรับมือกับเงินเฟ้อที่ดีกว่าเมื่อก่อน นั่นคือพันธบัตร TIPS (Treasury Inflation-Protected Security) หรือพันธบัตรที่มีการปรับมูลค่าตามอัตราเงินเฟ้อ โดยรุ่นอายุ 30 ปี รับประกันผลตอบแทนที่แท้จริง 2.4% ต่อปีหลังหักเงินเฟ้อแล้ว นับเป็นตัวเลขที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ติดลบ

 

การทำความเข้าใจตลาดพันธบัตรอาจซับซ้อน แต่มีวิธีง่ายๆ คือ ดูส่วนต่างระหว่างพันธบัตร 2 ประเภท เมื่อเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรรัฐบาลทั่วไปที่ให้ดอกเบี้ย 4.7% กับ TIPS ที่ให้ 2.4% พบว่ามีส่วนต่าง 2.3% ซึ่งเป็นอัตราที่ตลาดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.2% ในระยะยาว ต่ำกว่าที่ผู้บริโภคคาดการณ์ที่ 3% ตามผลสำรวจของ Fed นิวยอร์ก

 

ความน่าสนใจของ TIPS คือการรับประกันว่าเงินที่ลงทุนจะไม่สูญค่าจากเงินเฟ้อ เพราะเงินต้นจะถูกปรับเพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อ ตัวอย่างเช่น ถ้าลงทุน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 34 ล้านบาท) และเงินเฟ้อปีนั้นอยู่ที่ 3% เงินต้นจะเพิ่มเป็น 1.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 34.7 ล้านบาท) โดยอัตโนมัติ พร้อมรับดอกเบี้ยอีก 2.4% จากมูลค่าที่ปรับแล้ว

 

ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อมีความชัดเจนขึ้น เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง และเดินหน้านโยบายขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งจะผลักดันราคาสินค้าให้สูงขึ้น การเนรเทศแรงงานต่างด้าวอาจทำให้ค่าจ้างพุ่ง

 

และที่น่ากังวลที่สุดคือการขาดดุลงบประมาณที่คาดว่าจะสูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 64 ล้านล้านบาท) ในปีนี้ ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นอีกหากมีการขยายการลดภาษีปี 2017 หรือยกเว้นภาษีค่าล่วงเวลาและทิปตามที่ทรัมป์สัญญาไว้

 

ชาร์ลส์ คาโลมิริส นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง มองว่าการขาดดุลอาจกดดันให้รัฐบาลต้องเก็บภาษีเงินเฟ้อจากระบบเศรษฐกิจ ผ่านการลดค่าเงินและเงินสำรองธนาคาร ซึ่งจะกระทบกำลังซื้อของประชาชนโดยตรง

 

ขณะที่ จอห์น โคชเรน จาก Hoover Institution มองว่าเงินเฟ้อเกิดจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะต้องมีงบประมาณเกินดุลในอนาคต เพื่อชำระหนี้รัฐบาลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ทั้งสองมุมมองข้างต้นชี้ให้เห็นว่าการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของนักการเมืองกำลังสร้างแรงกดดันต่อระดับราคาสินค้า

 

แม้แนวโน้มจะชัดเจน แต่ Fed ดูเหมือนจะยังงุนงงกับความยืดเยื้อของเงินเฟ้อ เมื่อไม่กี่ปีก่อน Fed เผยว่า ราคาที่พุ่งสูงเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่ต้องล้มเลิกคำอธิบายนี้ไปในที่สุด และเพิ่งผ่อนคลายนโยบายการเงินเมื่อปลายปีที่แล้วด้วยความมั่นใจว่าควบคุมเงินเฟ้อได้แล้ว ซึ่งดูเหมือนจะเร็วเกินไป

 

สำหรับนักลงทุนที่กังวลว่าเงินเฟ้อจะสูงกว่า 2.2% ในระยะยาว บทความจาก Forbes ถึงกับแนะนำให้ขายพันธบัตรรัฐบาลทั่วไปใน IRA (Individual Retirement Account) และซื้อ TIPS แทน

 

แม้จะไม่ได้รับประกันว่าจะไม่เสียใจถ้าอัตราผลตอบแทน TIPS สูงขึ้นในอีก 1 ปี แต่อย่างน้อยก็ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่อาจสูงกว่าคาด และรับประกันว่าเงินออมจะยังคงมีอำนาจซื้อเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในอนาคต

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising