×

เป็นคนขี้กลัว ทำอย่างไรให้กล้าขึ้นมาได้คะ

14.05.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • ชีวิตเราคือการบริหารความกลัวและความกล้า ซึ่งเราต้องมีทั้งสองอย่างผสมกันอยู่ในสัดส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ถ้ากล้าไปเลยจนไม่มีความกลัวก็จะเป็นความกล้าบ้าบิ่น เหมือนโควิด-19 ตอนนี้ที่ถ้าเราไม่กลัวเลย เราก็อาจจะเป็นคนทำให้เชื้อไวรัสมันแพร่ระบาดไปเป็นอันตรายให้คนอื่นและตัวเองได้ เช่นเดียวกัน ถ้ากลัวไปเลยจนไม่มีความกล้า เราก็จะไม่พัฒนา เพราะฉะนั้น เราต้องมีทั้งความกลัวและความกล้าผสมกันอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
  • กลัวทำงานไม่สำเร็จ เพราะไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะทำให้สำเร็จต้องทำอย่างไรบ้าง ฉะนั้นก็ต้องหาวิธีว่าจะให้สำเร็จมันต้องทำอย่างไร พอรู้แล้วเราก็จะจัดการความกลัวได้มากขึ้น
  • ความกลัวความไม่มั่นคงที่จะตามมาหลังจากโควิด-19 เรากลัวเพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ เราจะรับมือได้หรือเปล่า ผมก็จะบอกว่า ไม่มีใครรู้แน่ชัดหรอกครับว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เราคาดการณ์ได้จากปัจจุบันว่า แนวโน้มในอนาคตจะเป็นอย่างไร มีอะไรบ้างที่มีแนวโน้มว่าจะเป็น New Normal 
  • อาจลองวิธีสร้างสถานการณ์ วิธีคือให้ลองคิดผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราตัดสินใจ ‘ทำ’ และ ‘ไม่ทำ’ อะไรบ้างในสถานการณ์ต่างๆ วิธีนี้จะช่วยให้เราชี้ได้ว่า เรากำลังเผชิญความเสี่ยงอะไรอยู่ ช่วยให้เราสามารถคิดได้รอบคอบมากขึ้น และช่วยให้เราเผชิญหน้ากับความกลัวได้ครับ

Q: รู้ตัวเลยค่ะว่าเป็นคนขี้กลัว เลยไม่ค่อยกล้าทำอะไรใหม่ๆ ยิ่งตอนนี้มีโควิด-19 ด้วย ยิ่งกลัวไปใหญ่ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร อยากกล้าขึ้นนะคะ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หนูควรทำอย่างไรดีคะ

 

A: ดีมากเลยครับที่รู้ตัวว่าตัวเองขี้กลัว และอยากแก้ไขจุดนี้ ความกลัวเป็นเรื่องปกตินะครับ ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงในชีวิต และยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าทุกคนก็คงกลัวเป็นธรรมดา เอลนา ซอลเบิร์ก นายกรัฐมนตรีของประเทศนอร์เวย์ เคยจัดงานแถลงข่าวเรื่องโควิด-19 กับเด็กทั่วประเทศ โดยให้เด็กส่งคำถามมา คำพูดหนึ่งที่ผมประทับใจมากคือ เอลนา ซอลเบิร์ก บอกกับเด็กๆ ว่า “เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะกลัวเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเข้ามาในชีวิต” ซึ่งมันจริงมากๆ นะครับที่เราจะยอมรับว่าเรากลัวได้ ไม่ผิด กลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังโควิด-19 ก็กลัวได้ (และควรกลัวด้วยนะครับ ฮ่าๆ) แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความกลัวให้ได้ครับ

 

ความกลัวผลกระทบจากโควิด-19 หลังจากนี้เป็นประโยชน์กับชีวิตเราเหมือนกันนะครับ เพราะมันทำให้เราไม่ประมาท ทำให้เราระวังตัวมากขึ้น ถ้าเราไม่กลัวอะไรเลยสิน่ากลัว ทำให้พี่นึกถึงคำพูดของ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิโพชฌงค์ และเป็นนักเขียนที่พี่ชื่นชอบท่านหนึ่งเคยบอกว่า ชีวิตเราคือการบริหารความกลัวและความกล้า ซึ่งเราต้องมีทั้งสองอย่างผสมกันอยู่ในสัดส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ถ้ากล้าไปเลยจนไม่มีความกลัวก็จะเป็นความกล้าบ้าบิ่น เหมือนโควิด-19 ตอนนี้ที่ถ้าเราไม่กลัวเลย เราก็อาจจะเป็นคนทำให้เชื้อไวรัสมันแพร่ระบาดไปเป็นอันตรายให้คนอื่นและตัวเองได้ เช่นเดียวกัน ถ้ากลัวไปเลยจนไม่มีความกล้า เราก็จะไม่พัฒนา เพราะฉะนั้นเราต้องมีทั้งความกลัวและความกล้าผสมกันอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม

 

ความกลัวเกิดจากการไม่รู้ ทีนี้เราก็ต้องมาสำรวจครับว่าที่เรากลัวนั้นกลัวอะไร และเกิดจากความไม่รู้ในเรื่องไหน เช่น กลัวจะทำงานยากๆ ไม่สำเร็จก็เลยไม่กล้าเปลี่ยนแปลง อยากทำงานแบบที่ทำแล้วแน่ใจว่าจะทำได้และทำสำเร็จแน่นอน ก็เป็นไปได้ว่าที่เรากลัวว่ามันจะไม่สำเร็จ เป็นเพราะเราไม่รู้ว่าถ้าจะให้สำเร็จมันต้องทำอย่างไรบ้าง พอเจอแบบนี้แล้ว การสำรวจความกลัวก็จะนำไปสู่การหาวิธีจัดการกับความกลัวครับ เช่น กลัวทำงานไม่สำเร็จ เพราะไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า ไม่รู้ว่าจะทำให้สำเร็จต้องทำอย่างไรบ้าง ฉะนั้นก็ต้องหาวิธีว่าจะให้สำเร็จมันต้องทำอย่างไร พอรู้แล้วเราก็จะจัดการความกลัวได้มากขึ้น

 

หรือความกลัวความไม่มั่นคงที่จะตามมาหลังจากโควิด-19 ก็เหมือนกันครับ เรากลัวเพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ เราจะรับมือได้หรือเปล่า ผมก็จะบอกว่า ไม่มีใครรู้แน่ชัดหรอกครับว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เราคาดการณ์ได้จากปัจจุบันว่าแนวโน้มในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งมันคงมีทั้งที่ถูกต้องและที่คลาดเคลื่อน แต่ไม่เป็นไร ดีที่สุดคือ เรารู้ไว้ก่อนว่ามีอะไรบ้างที่มีแนวโน้มว่าจะเป็น New Normal ซึ่งถ้าเรากลัวก็น่าจะช่วยให้เราขวนขวายหาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญว่ามีการคาดการณ์ในอนาคตไว้อย่างไรออกมาเยอะแล้ว และเราควรรู้ไว้ก่อนเลย พอเราเห็นภาพลางๆ บ้างแล้วว่า New Normal มันน่าจะเป็นแบบไหน เราก็มาดูครับว่า แล้วเราจะเตรียมตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนั้น ถ้าโลกข้างหน้ามันเป็นแบบนั้น เราต้องมีทักษะแบบไหนหรือมีตัวเราแบบไหนที่จะไปอยู่ในโลกข้างหน้าแล้วเราอยู่รอดได้ 

 

แต่ถ้าไม่กลัวเลย ไม่เอะใจเลย เราก็จะคิดว่าเดี๋ยวทุกอย่างมันจะเหมือนเดิม เราก็จะใช้ชีวิตแบบเดิม แต่ที่แน่ๆ โลกหลังจากนี้มันเปลี่ยนแปลงไปแน่นอนครับ ถ้าเราไม่เตรียมตัวเราให้พร้อมเลย เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เราจะเป็นคนตกยุค เราอาจจะอยู่รอดได้ในโลกยุคเก่า แต่โลกหลังโควิด-19 นี่สิครับ จะอยู่รอดได้ไหม น่าคิดนะครับ

 

มีปัจจัยหลายด้านที่ทำให้เกิดความกล้าหรือความกลัวขึ้นมาได้ อย่างแรกคือ ปัจจัยทางพันธุกรรม คนบางคนเกิดมาพร้อมกับสมองที่เอื้อต่อการรับความเสี่ยง กล้าตัดสินใจ เป็นลักษณะทางธรรมชาติอยู่แล้ว แต่อย่างที่สองซึ่งมีผลเช่นกันคือ ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมนั่นคือการหล่อหลอม การฝึกฝน การอยู่ในสังคมที่เอื้อต่อการลองผิดลองถูก ส่งเสริมให้คนมีความเป็นผู้นำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น อันนี้เป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ ทีมที่เราอยู่ องค์กรที่เราทำงานอยู่แล้วล่ะครับว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสร้างได้และฝึกได้ อย่างที่สามคือ สถานการณ์ สถานการณ์ตรงหน้าเราจะมีผลให้เราได้ใช้ความกลัวและความกล้าขึ้นมาจริงๆ สถานการณ์โควิด-19 ก็เหมือนกันครับ เราจะได้เห็นบางคนลุกขึ้นมาทำอย่างไรได้เยอะแยะเลย เช่นเดียวกัน เราก็จะได้เห็นคนที่กลัวจนทำอะไรไม่ได้เลยหรือตัดสินใจได้แย่เหมือนกัน สถานการณ์สร้างวีรบุรษและทำลายวีรบุรุษได้ก็แบบนี้เหมือนกันครับ

 

Manfred F. R. Kets de Vries นักจิตวิทยา และ Executive Coach ซึ่งเขียนหนังสือชื่อ Down the Rabbit Hole of Leadership: Leadership Pathology in Everyday Life เคยแนะนำไว้ใน Harvard Business Review เรื่องการจัดการกับความกลัวด้วยวิธีเหล่านี้ครับ

 

สร้างสถานการณ์ วิธีคือให้ลองคิดผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราตัดสินใจ ‘ทำ’ และ ‘ไม่ทำ’ อะไรบ้างในสถานการณ์ต่างๆ วิธีนี้จะช่วยให้เราชี้ได้ว่าเรากำลังเผชิญความเสี่ยงอะไรอยู่ ช่วยให้เราสามารถคิดได้รอบคอบมากขึ้น และช่วยให้เราเผชิญหน้ากับความกลัวได้ครับ

 

มองให้เห็นทั้งสิ่งที่จะเกิดด้านลบและด้านบวก คนที่มีกลัวมักจะมองเห็นผลลัพธ์ในด้านลบเป็นส่วนใหญ่ การมองเห็นผลลัพธ์ด้านลบก็เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะทำให้เราระวังตัวมากขึ้น แต่เราต้องมองให้เห็นผลลัพธ์ด้านดีด้วย เช่นเดียวกัน เมื่อมองเห็นทั้งผลลัพธ์ด้านบวกและด้านลบแล้ว ลองกลับมาสำรวจว่าแล้วอะไรบ้างที่เราต้องระวัง เพื่อทำให้ไม่เกิดผลลัพธ์ด้านลบ อะไรบ้างที่เราต้องมีเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ด้านบวก

 

สำรวจความกลัวที่ซ่อนอยู่ คนที่มีความกลัวมักจะมาจากความไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งพอมีความไม่เชื่อมั่นในตัวเองแล้วก็จะแสดงออกมาเป็นอาการต่างๆ เช่น การเลื่อนส่งงานไปเรื่อยๆ การทำอะไรต้องเพอร์เฟ็กตลอด (เพราะกลัวความไม่สมบูรณ์แบบ) หรือกระทั่งความรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ เก่งไม่พอ การสำรวจความกลัวนี้ทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะได้เปิดรับความคิดบวกๆ เข้าไปได้บ้าง ยิ่งเราสามารถชี้ได้ว่าเรากลัวอะไร เราก็จะยิ่งเข้าใจตัวเองและหาวิธีการจัดการได้ เพราะถ้าไม่รู้ว่ากลัวอะไรอยู่ จะไม่นำไปสู่การแก้ปัญหาได้ครับ

 

ฝึกฝนการออกจากคอมฟอร์ตโซน ความกล้าอย่างสม่ำเสมอแม้เพียงเล็กน้อย ก็ส่งผลในทางบวกได้ครับ มันจะยากในครั้งแรกที่เราไม่เคยลอง แต่เมื่อเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ฝึกฝนให้เราต้องกล้าอยู่บ่อยๆ เราก็จะเริ่มจัดการชีวิตได้ ไม่ต้องกล้าจนไม่เหลือความกลัว บางทีความรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ก็ดีเหมือนกันครับ คือยังกลัวอยู่ แต่จัดการความกลัวได้

 

จัดการกับร่างกาย ร่างกายมีผลต่อจิตใจของเราครับ ถ้าร่างกายได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย และนอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่ ก็จะส่งผลต่อจิตใจด้วย ถ้าร่างกายอ่อนแอ ความพร้อมก็จะหายไปด้วย หรือถ้ารู้สึกกลัวให้หายใจลึกๆ สม่ำเสมอ ลมหายใจของเราก็จะมีผลต่อสมาธิไปด้วย ทำให้เราจัดการความกลัวได้

 

ระลึกไว้เสมอว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว การมีเพื่อน ทีม หรือคนรอบตัว ที่คุณสามารถเผยความรู้สึกกลัวได้ และเขาก็สามารถเผยความรู้สึกของเขาให้คุณได้เช่นกัน สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์มาก เพราะทำให้เรารู้ว่าทุกคนมีความเปราะบางได้ ทุกคนเป็นมนุษย์ ทุกคนเข้าใจความรู้สึกกันดี เช่นเดียวกัน เราสามารถให้กำลังใจกันและกันได้ การมีคนให้กำลังใจเราอยู่ก็ช่วยให้เราจัดการความกล้าและความกลัวในชีวิตได้ครับ

 

เรามีทั้งความกล้าและความกลัวอยู่ในตัวครับ นำสองอย่างนี้มาผสมกันในเวลาที่ถูกต้อง สำรวจตัวเองอยู่บ่อยๆ และฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ เราก็จะบริหารทั้งความกล้าและความกลัวได้ครับ

 

ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์มาที่ Facebook: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ (Facebook.com/Toffybradshawwriter)

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

 


 

ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising