×

จากพระราชวังถึงเรือยอชต์ เปิดเบื้องหลังขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าของ ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ ที่ไม่มีใครในโลกแกะรอยได้

21.03.2022
  • LOADING...
วลาดิเมียร์ ปูติน

บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่หากขึ้นไปอยู่ด้านบนมองลงมาแล้วจะเห็น ‘ทะเลดำ’ แสนสวยงาม ณ ที่แห่งนั้นมีพระราชวังแสนงดงามตั้งอยู่

 

พระราชวังแห่งนั้น – หรือความจริงแล้วคือแมนชั่นสุดหรูหราขนาด 190,000 ตารางฟุต – ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘พระราชวังของปูติน’ ซึ่งแน่นอนว่าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียโดยเฉพาะ

 

ภายในนั้นเต็มไปด้วยทุกสิ่งที่ผู้นำรัสเซียต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ลานแสดงกลางแจ้ง สนามฮอกกี้น้ำแข็งที่อยู่ใต้ดิน ลานจอดเรือส่วนตัวที่เป็นส่วนตัวจริงๆ เพราะน่านน้ำโดยรอบไม่อนุญาตให้เรือลำใดเข้าใกล้ได้ มากไปกว่านั้นบนน่านฟ้าแห่งนี้ก็เป็นเขตห้ามบินเช่นกัน

 

อย่างไรก็ดีหากคิดจะสืบเสาะค้นหาหลักฐานว่าปูตินเป็นเจ้าของวังหรือแมนชั่นสุดหรูแห่งนี้จริงหรือไม่ บอกได้เลยว่าต่อให้เป็นยอดนักสืบโคนันก็อาจจะไม่สามารถสืบได้ เพราะไม่มีหลักฐานหรืออะไรที่สามารถทำให้เราแกะรอยสาวถึงตัวได้เลย

 

เพราะตามที่ปูตินเปิดเผยในบัญชีทรัพย์สินส่วนตัวแล้วเขามีเพียงแค่อพาร์ตเมนต์เล็กๆ ขนาด 800 ตารางฟุตเท่านั้น

 

แล้วพระราชวังของปูตินนี้มาจากไหน?

 

การศิโรราบและเครื่องบรรณาการ

ตามการเปิดเผยของ เนต ซิบลีย์ (Nate Sibley) ผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจสอบเรื่องทุจริตของรัสเซียและเป็นที่ปรึกษาของสมาชิกสภาคองเกรส ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับ CNN ไว้ระบุว่าวังของปูติน ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยแห่งการทุจริตคอร์รัปชันภายใต้การนำของปูตินนั้นไม่ได้มาจากเงินของเขาเอง

 

เพราะลำพังเงินเดือนปีละ 140,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.5 ล้านบาท ในตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียของปูตินนั้นไม่มีวันที่จะสร้างแมนชั่นสุดหรูหราในทำเลแบบนี้ได้อยู่แล้ว ไม่นับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่ล้วนแต่มีราคาที่ต้องจ่ายมากมายมหาศาล

 

เงินที่ถูกนำมาใช้ ‘สนอง’ แก่ปูตินนั้นมาจากเหล่า Oligarch หรือเครือข่ายมหาเศรษฐีผู้ใกล้ชิดของเขาที่มอบให้ใช้ตามความประสงค์ของปูตินเองไม่ว่าจะอยากทำอะไรก็ตาม เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ที่นายทุนเหล่านี้จะได้รับจากรัฐบาลเครมลิน เข้าทำนอง ‘ยื่นหมูยื่นแมว’

 

เรื่องนี้อีกมุมหนึ่งมหาเศรษฐีเหล่านั้นก็อาจไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก เพราะหากพวกเขาคิดต่อต้านผู้นำอย่างปูตินขึ้นมา โชคชะตาของพวกเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลได้

 

หนึ่งในกรณีตัวอย่างของการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ คือรายของ มิคาอิล โคดอร์คอฟสกี (Mikhail Khodorkovsky) เศรษฐีน้ำมันที่มีทรัพย์สินมหาศาลกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่พยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลรัสเซียมีการโกงกินคอร์รัปชันมหาศาลภายใต้การนำของปูตินเคยถูกจับขังในห้องพิจารณาคดีในศาล

 

สิ่งที่โคดอร์คอฟสกีต้องเจอคือการสอบสวนเรื่องการหลบเลี่ยงภาษีอย่างหนัก ซึ่งแม้เจ้าตัวจะพยายามตอบโต้ว่าการสอบสวนครั้งนี้เกิดขึ้นจากเรื่องทางการเมือง แต่อำนาจที่ไม่อาจต่อกรได้ก็จับเขาขังในลูกกรงเป็นนกที่ไร้อิสรภาพ

 

สุดท้ายเมื่อคิดว่าสั่งสอนพอแล้วปูตินได้ให้อภัยโทษแก่โคดอร์คอฟสกีในปี 2013 ก่อนที่เขาจะขอลี้ภัยและไม่กลับมารัสเซียอีกเลย

 

ภาพของโคดอร์คอฟสกีที่ถูกจับขังเป็นเหมือนการส่งสัญญาณเตือนไปยังมหาเศรษฐีทุกคนว่า “จงศิโรราบเสีย ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นรายต่อไป”

           

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือการศิโรราบของเหล่า Oligarch ที่ยินดีมอบแก้วแหวนเงินทอง ของขวัญเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่ปูติน โดยนอกจากเพื่อความปลอดภัยของตัวเองในฐานะคนใต้การดูแลของปูตินแล้วยังเป็นการการันตีว่าพวกเขาจะได้รับผลประโยชน์และการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจด้วย

 

หากปูตินเอ่ยปากขออะไร ทุกคนรู้ว่านี่ไม่ใช่การร้องขอ แต่คือสิ่งที่ต้องทำไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเดือนหรือดาวก็ต้องหามาให้ได้

 

“ที่สุดแล้วสิ่งที่พวกเขามีทั้งหมดนั้นก็เหมือนเป็นของเจ้านาย และแค่ปูตินดีดนิ้ว สิ่งเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามจะตกเป็นของเขาทันที” ทอม เบอร์กิส ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการฟอกเงินในระดับโลกที่มีชื่อว่า ‘Kleptopia’ ระบุไว้ พร้อมบอกว่าวิธีของปูตินนั้นก็คือวิธีของ ‘เจ้าพ่อ’ (Godfather)

 

นี่คือวิธีที่ปูตินได้มาซึ่งทรัพย์สินมากมายมหาศาล โดยนอกจากพระราชวังส่วนตัวแล้วยังมีเรือยอชต์มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ​หรือกว่า 3.2 พันล้านบาท และทรัพย์สินอีกมากมายที่ถูกเก็บไว้ทั่วโลกโดยที่ไม่มีการระบุว่านี่คือของปูติน แต่ทุกคนรู้ว่านี่คือของใคร

 

เหล่าผู้พิทักษ์สมบัติของปูติน

ความมั่งคั่งนี้ไม่ได้จำกัดแค่ปูตินเท่านั้น หากแต่คนใกล้ชิดของประธานาธิบดีรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนวัยเยาว์ หรือหญิงสาวที่เป็นดั่งรักแรก หรือนักเชลโลที่เป็นพ่อบุญธรรมหนึ่งในลูกสาวของเขา ต่างก็ได้อานิสงส์ความมั่งคั่งจากน้ำใจของผู้นำประเทศด้วย

 

และในอีกทางหนึ่งคนเหล่านี้ก็จะเป็นเหมือนดังคนพิทักษ์สมบัติของเขาไปด้วย

 

ข้อมูลเหล่านี้เราอาจไม่มีวันได้รับรู้เลย หากไม่มีกรณี Panama Papers และ Pandora Papers ที่ข้อมูลทางการเงินของบุคคลระดับสูงทั่วโลกถูกเปิดโปง ซึ่งกรณีของปูตินนั้นพบว่าเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนหลายต่อหลายชั้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งบริษัทบังหน้า การทำธุรกรรมซ่อนเร้น ไปจนถึงการมีตัวแทนเป็นเจ้าของแทน

 

หนึ่งในตัวอย่างคืออพาร์ตเมนต์สุดหรูในโมนาโก ซึ่งถูกซื้อโดยบริษัทที่ชื่อว่า Brockville Development ซึ่งจดทะเบียนบริษัทที่เกาะบริติชเวอร์จิน เจ้าของบริษัทแห่งนี้คือ สเวตลานา ครีโวโนกีฮ์ (Svetlana Krivonogikh) อดีตพนักงานทำความสะอาดในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่เคยมีรายงานข่าวอื้อฉาวว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับปูตินเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ก่อนที่เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีของประเทศในเวลาต่อมา ตามหลักฐานที่องค์กรผู้สื่อข่าวระดับนานาชาติ International Consortium of Investigative Journalists ได้รายงานเอาไว้ใน The Washington Post และ The Guardian

 

สิ่งที่น่าสงสัยคือบริษัทแห่งนี้เพิ่งจดทะเบียนได้แค่ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ครีโวโนกีฮ์ ซึ่งอายุ 28 ปีในขณะนั้นเพิ่งให้กำเนิดลูกสาว โดยที่ชื่อกลางของลูกสาวนั้นมีความหมายว่า ‘ธิดาของวลาดิเมียร์’ ซึ่งแม้ว่าเธอจะปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ แต่ลูกสาวที่มีผู้ติดตามบน Instagram จำนวนหลายพันคนได้เคยยอมรับต่อคนที่เคยมาสัมภาษณ์ว่าเธอมีส่วนคล้ายกับประธานาธิบดีจริง

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ห้ามพูด บัญชี Instagram ของเธอจึงถูกปิดไป เหมือนหนังสือพิมพ์ Proekt สื่ออิสระที่เคยขุดคุ้ยเรื่องนี้ก็โดนสั่งปิดไปเป็นที่เรียบร้อย

 

แมนชั่นแห่งนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งยังมีอีกมากมายที่คนรอบกายหรือคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับปูตินจะครอบครองสมบัติมูลค่ามหาศาลที่มีอยู่ทั่วโลก โดยนอกจากแมนชั่นที่โมนาโก ครีโวโนกีฮ์ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสกีรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่ปูตินเคยไปเล่นสกี และอพาร์ตเมนต์สุดหรูอีกหลายแห่งในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือแม้แต่เรือยอชต์ด้วย

 

ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าที่ไม่มีวันหาเจอ

ข้อมูลที่น่าตกใจมากขึ้นคือรัสเซียเป็นประเทศที่มีการเก็บซ่อนทรัพย์สินไว้ในประเทศที่เป็น Tax Haven สูงมากเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นในเชิงของจำนวนที่มีการบันทึกไว้ในปี 2017 ว่าสูงถึง 8 แสนล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือจำนวนค่าเฉลี่ยกับ GDP ของประเทศ ซึ่งโดยเฉลี่ยทุกชาติทั่วโลกจะมีทรัพย์สินที่ถูกเก็บซ่อนตามเกาะมหาสมบัติเหล่านี้ที่ราว 10 เปอร์เซ็นต์ของ GDP

 

แต่สำหรับรัสเซียเทียบแล้วเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของ GDP เลยทีเดียวในปี 2015 ตามข้อมูลจาก Journal of Public Economics ที่เผยแพร่ในปี 2018 และหากยึดตามรายงานของ The Atlantic Council ก็ถือว่าสูงที่สุดของโลก

 

ในจำนวนนี้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า 1 ใน 4 ของ ‘เงินมืด’ นั้นถูกควบคุมโดยปูตินและเครือข่ายของเขา ซึ่งเป็นพลังอำนาจมหาศาลที่สามารถเขย่าโลกได้ แม้กระทั่งมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาก็เคยถูกแทรกแซงการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2016 มาแล้ว และทำให้อำนาจของปูตินถือเป็นภัยความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว

 

เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษที่ชื่อว่า The KleptoCapture Task Force เพื่อที่จะดำเนินการคว่ำบาตรและทลายระบบเศรษฐกิจของรัสเซียให้สูญสิ้นไปจากตลาดโลกเพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการรุกรานประเทศยูเครนในเวลานี้

 

แต่เรื่องนี้ทางการสหรัฐฯ ก็ยอมรับว่าการจะไล่บี้หรือแกะรอยนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก เพราะเมื่อคิดว่าพบเบาะแสแล้วสุดท้ายสิ่งที่จะพบคือทางตันอยู่ดี

 

“ไม่มีเอกสารใดๆ ที่จะแกะรอยได้เลย” แกรี คาลแมน (Gary Kalman) ผู้อำนวยการหน่วยงานต่อต้านการคอร์รัปชันของสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า Transparency International เปิดเผย

 

ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าโลกจะต่อต้านคว่ำบาตรหรือกีดกันรัสเซียอย่างไร ผลกระทบก็แทบจะไม่ตกถึงชายที่ชื่อ วลาดิเมียร์ ปูติน เลยแม้แต่น้อย เพราะคนที่จะรับผลกระทบแทนคือคนที่เป็นเหมือนตัวแทนของเขาและบริวารในเครือข่ายเท่านั้น

 

ปัญหาคือเวลานี้ปูตินดูเหมือนจะไม่ได้สนใจในเรื่องของความมั่งคั่งอีกต่อไปแล้ว

 

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออำนาจ และเสียงที่เขาต้องการรับฟังไม่ใช่เสียงของเหล่านักธุรกิจ แต่เป็นเสียงของทหารหาญที่พร้อมจะยืนหยัดเคียงข้าง

 

ส่วนพระราชวังเหนือทะเลดำนั้นคือสิ่งที่เป็นเหมือนเครื่องยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นแค่ประธานาธิบดี หากแต่เป็น ‘ซาร์’ ของชาวรัสเซีย


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising