หาคำตอบ เงินเยน จะ อ่อนค่า อีกแค่ไหน และจะส่งผลต่อ หุ้นญี่ปุ่น อย่างไร

มูลค่าของสกุลเงินเยนญี่ปุ่นร่วงลงอย่างมากสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 1990 แตะระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 เมษายน) การอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (26 เมษายน) ซึ่งเป็นระยะเวลา 1 เดือนหลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ค่าเงินเยนจะอ่อนค่าไปอีกไกลแค่ไหน แล้วสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างไร

ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินเยนร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1990

ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 3 ปี โดยสูญเสียมูลค่ามากกว่า 1 ใน 3 นับตั้งแต่ต้นปี 2021 หนึ่งในปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการร่วงลงของค่าเงินคือ แรงขายจากนักลงทุน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำของญี่ปุ่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินเยนลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เมื่อเดือนที่ผ่านมา BOJ ตัดสินใจยุตินโยบายการคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงให้ต่ำกว่าศูนย์ โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นจาก -0.1% เป็นระหว่าง 0-0.1%

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (26 เมษายน) BOJ ได้ประกาศว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ และส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมยังไม่เกิดขึ้นในเดือนข้างหน้า สิ่งนี้ทำให้เกิดแรงเทขายเงินเยนอีกรอบ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินร่วงลงเหลือ 160 เยนต่อดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990

ทิศทางของค่าเงินเยนจะเป็นอย่างไรต่อไป

ในระยะสั้น การอ่อนค่าของสกุลเงินเยนอาจถูกจำกัดโดยการแทรกแซงค่าเงินจากทางการญี่ปุ่น หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นและเจ้าหน้าที่จาก BOJ ได้ออกมาแทรกแซงทางวาจาหลายครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ (29 เมษายน) ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยคาดว่าการแทรกแซงซื้อค่าเงินเยนของทางการญี่ปุ่น เป็นตัวกระตุ้นให้เงินเยนที่อ่อนค่าในระดับต่ำสุดในรอบ 3 ทศวรรษ ฟื้นตัวขึ้นมาได้บางส่วน

เมื่อเช้าวันอังคาร (30 เมษายน) Masato Kanda นักการทูตสกุลเงินชั้นนำของญี่ปุ่นกล่าวว่า การอ่อนค่าของค่าเงินที่มากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และทางการญี่ปุ่นก็พร้อมที่จะดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อตอบสนองต่อค่าเงิน หากมีความจำเป็น

สำหรับในระยะกลางและระยะยาว ค่าเงินเยนอาจถูกกดดันต่อไป เนื่องจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่าง BOJ และ Fed ที่ค่อนข้างกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก Fed ยังมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงต่อไป และเลื่อนเวลาสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่ยังคงสูง

ผลกระทบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หุ้นของญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับการเงินจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเล็กน้อย สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของ BOJ เมื่อเดือนที่แล้วปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกจากแดนลบ

Dan Cartridge ผู้จัดการกองทุนของ Hawksmoor Fund Managers กล่าวว่า หุ้น Small Cap ของญี่ปุ่นอาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับปรุงการกำกับดูแลกิจการ บริษัทขนาดเล็กบางแห่งอาจมีมูลค่าที่ต่ำเกือบตลอดเวลา ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าสนใจ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีปัจจัยเร่งการเติบโตของกำไรที่ดี

George Lagarias หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Mazars แสดงความเห็นว่า หากค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นญี่ปุ่นได้ นั่นเป็นเพราะว่าเงินที่เกิดขึ้นในต่างประเทศไม่ได้คุ้มที่จะแปลงค่าและนำกลับเข้าประเทศ ดังนั้น หากธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป การเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นครั้งนี้ก็อาจอ่อนแรงลงได้ แต่แน่นอนว่าเหรียญย่อมมีสองด้าน ค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นอาจกระทบต่อผู้ส่งออกรายใหญ่ของญี่ปุ่น แต่กลับเป็นผลดีต่อบริษัทขนาดเล็กในประเทศ

อย่างไรก็ตาม Yue Bamba หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของญี่ปุ่นที่บริษัทจัดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง BlackRock มองว่า การที่ญี่ปุ่นออกจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจะทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เขามองว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ BOJ จะเปลี่ยนโฉมภูมิทัศน์การลงทุนในญี่ปุ่น ทำให้หุ้นมีแนวโน้มว่าจะทำกำไรได้มากขึ้น หลังจากที่ประเทศเผชิญกับภาวะเงินฝืดมานานหลายทศวรรษ

Bamba คาดว่า BOJ ได้เริ่มปรับนโยบายการเงินเพื่อให้กลับสู่ภาวะปกติ (Normalization) ในเดือนมีนาคม แต่การเปลี่ยนแปลงน่าจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ สิ่งนี้ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

อ้างอิง: