×

ProPublica แฉต่อ ‘มหาเศรษฐี’ เจ้าของทีมกีฬาอาชีพบางคนเสียภาษีเงินได้น้อยกว่า ‘นักกีฬา’ ในทีมตัวเองเสียอีก

11.07.2021
  • LOADING...
มหาเศรษฐี เสียภาษี

ช่วงนี้มีข่าวด้านความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนออกมาให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ หลัง ProPublica องค์กรไม่แสวงหากำไร สำนักข่าวออนไลน์ที่นำเสนอข่าวเชิงลึกในสหรัฐอเมริกา ออกมาเเฉกลวิธีของบรรดาอภิมหาเศรษฐีในอเมริกาที่ใช้หลบหลีกการจ่ายภาษีเงินได้ของตัวเองอย่างแยบยล ชนิดที่ว่าเหนือจินตนาการและไม่ผิดกฎหมายอีกด้วย 

 

เมื่อในความเป็นจริงเเล้วระบบจัดเก็บภาษีของสหรัฐฯ เก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า (Progressive Tax) ประมาณว่า ยิ่งมีรายได้มากเท่าไรก็ยิ่งต้องจ่ายภาษีมากเท่านั้น และการจัดเก็บภาษีก็ไม่ได้คำนวณจากความมั่งคั่งของตัวบุคคล (สินทรัพย์อื่นๆ นอกเหนือจากรายรับ) 

 

จุดนี้เองจึงเป็นช่องโหว่สำคัญที่ทำให้เหล่ามหาเศรษฐีที่มีแหล่งรายได้และความมั่งคั่งต่างจากคนธรรมดาที่มาจากการรับจ้างทั่วไป มักจะได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์การหลีกเลี่ยงภาษีหรือมาตรการลดหย่อนที่มีแต่ ‘คนรวย’ เท่านั้นที่จะทำได้ 

 

ช่องโหว่ดังกล่าวทำให้มีบุคคลที่ร่ำรวยระดับโลกหลายคนต้านทานผลประโยชน์มหาศาลที่จะตามมาไม่ไหว ต้องหันมาใช้กลยุทธ์การเลี่ยงจ่ายภาษีเหมือนกัน อย่าง เจฟฟ์ เบโซส์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลก 4 ปีซ้อน, วอร์เรน บัฟเฟตต์, คาร์ล ไอคาห์น, ไมเคิล บลูมเบิร์ก, จอร์จ โซรอส หรือเเม้แต่ อีลอน มัสก์ 

 

หนึ่งในตัวอย่างหลักฐานที่ ProPublica เผยออกมาพบว่า เจฟฟ์ เบโซส์ จ่ายภาษีไม่ถึง 1% หรือ 973 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2014-2018 ทั้งยังมีรายงานว่าในปี 2007 เบโซส์ไม่ต้องควักเงินจ่ายเลยสักแดงเดียว แถมยังดำเนินการเลี่ยงภาษีอีกในปี 2011

 

การเปิดโปงวิธีการเลี่ยงจ่ายภาษีของมหาเศรษฐีดังกล่าวต่อยอดมาถึงวงการกีฬา ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ProPublica อ้างอิงข้อมูลลับของกรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) รายงานว่า มีมหาเศรษฐีเจ้าของทีมกีฬาอาชีพบางคนเสียภาษีเงินได้ในอัตราที่น้อยกว่านักกีฬาในทีมตัวเองเสียอีก 

 

อย่างในกรณีของ สตีฟ บัลเมอร์ อดีตซีอีโอ Microsoft ผู้ร่ำรวยอันดับที่ 9 ของโลก และเป็นเจ้าของทีม Los Angeles Clippers ซึ่งอยู่ในลีก NBA ในปัจจุบัน ซึ่งตัวเขาได้เข้าซื้อมาในปี 2014

 

การเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนั้นทำให้สตีฟหักลดบัญชีรายได้ของตัวเองไปกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.5 หมื่นล้านบาท และเมื่อเร็วๆ นี้ทีมได้รายงานตัวเลขผลการขาดทุนถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.3 หมื่นล้านบาท ทั้งๆ ที่เป็นหนึ่งในลีกที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ซึ่งหลายฝ่ายก็ตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร 

 

รายงานจาก ProPublica ชี้ว่าสตีฟใช้กลวิธี ‘ลงทุนธุรกิจ’ เพื่อลดรายได้และเลี่ยงภาษีเงินได้ของตัวเองอย่างแนบเนียนเช่นเดียวกัน

 

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ ProPublica พบว่าในปี 2018 สตีฟทำเงินได้ 656 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เเต่เสียภาษีเพียง 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคิดอัตราที่ 12% ขณะเดียวกัน ‘เลอบรอน เจมส์’ เทพแห่งวงการบาสเก็ตบอล NBA ลูกทีมของเขามีรายได้ 124 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เสียภาษีอยู่ที่อัตรา 34.8% ของรายได้ 

 

การที่เจ้าของทีมจ่ายอัตราภาษีที่ต่างกับลูกทีมถึง 3 เท่าขนาดนี้ สตีฟไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด เพียงแต่รู้จักใช้กลยุทธ์เลี่ยงภาษีอย่างแนบเนียน โดยสตีฟใช้วิธี ‘ลงทุนธุรกิจ’ ที่จัดอยู่ในรายจ่ายเพื่อลดรายได้ และปัจจุบันความมั่งคั่งของเขาส่วนใหญ่ก็อยู่ในรูปของสินทรัพย์ส่วนตัว เพื่อเอาไว้ลดทอนการจ่ายภาษีเงินได้ของตัวเองเท่านั้นเอง 

 

ทั้งนี้กลวิธีการครองสินทรัพย์เพื่อให้จ่ายภาษีในอัตราที่ต่ำในข้างต้น ยังขยายมาถึงวงการลูกหนัง เมื่อปี 2018 เดวิด เทปเปอร์ ผู้จัดการ Appaloosa Management ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ของสหรัฐฯ เข้าซื้อสโมสรอเมริกันฟุตบอล ‘แคโรไลนา แพนเธอร์ส’ ด้วยเงิน 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

หากอ้างอิงจากนโยบายของ IRS แล้ว การเข้าซื้อดังกล่าวจะมีค่าตัดจำหน่าย (Amortization) ประมาณ 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 4.5 พันล้านบาท ในเเง่งบดุลการที่ธุรกิจมีค่าตัดจำหน่ายมากขึ้นก็จะทำให้การจ่ายภาษีลดลง ProPublica เห็นพ้องว่าจำนวนเงินดังกล่าวนั้นมากพอที่จะกลบตัวเลขกำไรของสโมสรได้

 

ทั้งนี้ระบบการจัดเก็บภาษีของสหรัฐฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของฐานของรายได้ของพลเมืองอเมริกันที่มีความยุติธรรมค่อนข้างสูง และเก็บภาษีโดยถ้วนหน้าและเสมอภาคกัน 

 

มีหน่วยงานเฉพาะทางด้านภาษีที่น่าเกรงขามอย่างกรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) ที่ได้รับความเชื่อมั่นว่าดำเนินการจัดการเก็บภาษีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ครอบคลุมแม้จะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือเล็กเพียงใดก็ตาม 

 

การเปิดเผยเบื้องลึกการเลี่ยงภาษีที่ดูจะสะท้อนภาพลักษณ์ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนในประเทศช่วงนี้นั้น ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องเร่งแก้ไขปฏิรูปให้มีความเป็นธรรมมากขึ้นโดยเร็ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

ภาพ : Christian Petersen/Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising