วันนี้ (12 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม ส.ส. ชุดที่ 26 นัดแรก ซึ่งก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
จากนั้นที่ประชุม ส.ส. ได้ร่วมกันกำหนดวันและเวลาการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเสียง ส.ส. แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ขอให้เพิ่มวันประชุมสภาผู้แทนราษฎรจากเดิมทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี เป็นวันอังคาร วันพุธ และวันพฤหัสบดี เช่น ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เสนอให้เพิ่มวันประชุม เนื่องจาก สภาผู้แทนราษฎรยังมีกฎหมายที่ค้างท่อกว่า 180 ฉบับ กฎหมายที่เสนอโดยประชาชนค้างการพิจารณามากที่สุด ด้วยหลักเหตุผลตามนี้จึงเห็นควรให้เพิ่มวันประชุม
ด้าน ส.ส. ฝั่งที่เห็นด้วยให้มีการประชุม ส.ส. 2 วัน เช่น อนันต์ ผลอำนวย ส.ส.จังหวัดกำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ที่กล่าวว่า ต้องการให้ใช้ตามประเพณีเดิมที่สภาได้ทำกันมา แต่ไม่ได้หมายความว่าสภาจะเปลี่ยนไม่ได้ ซึ่งเดิมการประชุมสภาจะมีขึ้น 2 วัน ซึ่งการประชุมจะ 2 หรือ 3 วันไม่สำคัญเท่ากับการควบคุมการประชุมให้มีประสิทธิภาพ หากประชุม 3 วัน แต่ควบคุมการประชุมไม่ได้ก็ไม่มีประสิทธิภาพ แต่หากประชุม 2 วัน หากมีสาระประชุมเต็มๆ ก็สามารถทำได้
ขณะที่ อรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ มองว่าการประชุม 2 วันไม่ทำให้การพิจารณากฎหมายล่าช้าแต่อย่างใด ซึ่งหากสภามีวาระพิเศษ ประธานสภาก็นัดประชุมเป็นวาระพิเศษได้
ท้ายที่สุด ส.ส. มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ขอให้ประชุมทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี หากมีวาระการประชุมใดเป็นพิเศษ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสามารถนัดประชุมเพิ่มได้ ส่วนการหารือของ ส.ส. ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมยังคงมีเช่นเดิม โดยเพิ่มการหารือจาก 20 คน เป็น 30 คนต่อวัน และหารือได้คนละ 3 นาที
วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จะพยายามไม่ให้การประชุม ส.ส. เยิ่นเย้อ จะพยายามเน้นว่าการประชุมต้องมีสาระเพื่อประสิทธิภาพและประโยชน์ต่อประชาชน
“ต้องขอความร่วมมือ วันประชุมจะไม่สำคัญเท่ากับความร่วมมือของการประชุมที่พร้อมเพรียงกัน และร่วมมือกันอภิปรายอยู่ในประเด็น ผมกับรองประธานทั้งสองจะได้หารือกัน แล้วอาจเชิญวิปเพื่อทำให้การประชุมสมัยที่ 26 ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องมีคุณภาพคุ้มค่ากับเวลาที่เราได้อยู่กับสภา”