วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวก่อนการประชุมวิปรัฐบาลหลังได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการครั้งแรกถึงการเตรียมความพร้อมเปิดอภิปรายทั่วไปนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในประเด็นถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนและนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาที่ชัดเจนว่า ต้องรอดูความชัดเจนว่าจะมีการบรรจุเป็นระเบียบวาระเมื่อใด ซึ่งจะมีการเตรียมความพร้อมช่วยฝ่ายรัฐบาลชี้แจงในประเด็นที่สามารถช่วยได้ แต่ประเด็นใดที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวก็ต้องให้บุคคลนั้นชี้แจงเอง
ส่วนการดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของฝ่ายรัฐบาล ประธานวิปรัฐบาลบอกว่ายังไม่ทราบความชัดเจนเรื่องนี้ จึงไม่ขอให้ความเห็น ซึ่งต้องถามกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในช่วงบ่ายวันนี้ แต่โดยหลักการแล้วพรรคพลังประชารัฐยินดีทำงานกับทุกฝ่าย และยินดีต้อนรับหากพรรคเศรษฐกิจใหม่จะเข้าร่วมรัฐบาล เพราะตอนนี้รัฐบาลมีเสียงทั้งหมด 253 เสียง หากตัดเสียงประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรออกไป 3 เสียงก็จะเหลือ 250 เสียง ซึ่งถือว่าเป็นเสียงที่พอดี
ประธานวิปรัฐบาลยังกล่าวถึงสถานการณ์เสียงปริ่มน้ำกับการลงมติข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่แพ้ฝ่ายค้านถึง 2 ครั้งว่า การลงมติข้อบังคับการประชุมไม่ได้เป็นประเด็นว่าฝ่ายค้านเอาชนะฝ่ายรัฐบาล เพราะทั้งสองฝ่าย ทั้ง ส.ส. รัฐบาลบางส่วนก็ลงคะแนนให้ฝ่ายกรรมาธิการเสียงข้างน้อย และ ส.ส. ฝ่ายค้านบางส่วนก็ลงคะแนนให้กรรมาธิการเสียงข้างมาก และเชื่อว่าเมื่อมีการพิจารณากฎหมายหรือเรื่องสำคัญ ส.ส. จะให้ความร่วมมือเข้าประชุมและลงมติกันครบถ้วน รวมถึงรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. ด้วย แต่ไม่ขอออกความเห็นว่าจะต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. หรือไม่
ประธานวิปรัฐบาลย้ำด้วยว่าเป็นเรื่องดีที่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมทำงานในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือเป็นขวัญกำลังใจให้กับ ส.ส. รับทราบว่า พลเอก ประวิตร จะมีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อพบปะสมาชิกและ ส.ส. ของพรรคเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนประเด็นพฤติกรรมของ สิระ เจนจาคะ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ก็ให้เป็นเรื่องของที่ประชุม ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี สุชาติ ชมกลิ่น เป็นประธาน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
