สำรวจโลกส่วนตัวบนรถของ เจนนี่ ปาหนัน ที่เป็นทั้งเพื่อน ตู้เสื้อผ้า ความฝันของแม่ และไดร์เป่าผม [Advertorial]

ถ้าให้คุณนึกถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงในวงการตอนนี้ คุณคงคิดถึงเธอคนนี้ ‘เจนนี่ ปาหนัน’ ในบทบาทของพิธีกรรายการมากมายหลายช่อง หรือทั้งในบทบาทของนักแสดงที่ไปโผล่หน้าตามละครตามซีรีส์ต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นบุคคลมืออาชีพคนหนึ่งของวงการที่น่าจับตามอง

 

และครั้งนี้ THE STANDARD ถือโอกาสนั่งรถเล่นไปกับ เจนนี่ ปาหนัน สำรวจไลฟ์สไตล์ในแบบของเธอที่ใช้รถเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง ไม่ใช่แค่หอบของมากมายใส่ไว้เต็มคันรถ แต่เธอยังใช้รถของเธอเป็นไดร์เป่าผมมาแล้ว!

 

นี่คือการซื้อรถครั้งแรกของคุณ และการขับรถครั้งแรกในชีวิตของคุณ

ใช่ค่ะ เราขับรถไม่เป็นเลย แล้วเจนนี่เพิ่งจะหัดขับคันนี้เมื่อต้นปีนี่เอง เพราะว่าเราซื้อรถปุ๊บก็ไปเรียนขับรถเลย งงไหมคะ (หัวเราะ) เหมือนเราซื้อรถไว้ก่อนเพื่อที่ตัวเองจะได้มีแรงจูงใจในการขับรถ เพื่อให้เข้าใจว่า เออ ฉันมีหนี้นะ ฉันควรที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้นานที่สุด ก็เลยไปเรียนขับรถจริงจัง

 

ทำไมต้องเป็นรถคันนี้

ย้อนกลับไปสมัยเจนนี่ยังอยู่หาดใหญ่ เราเป็นคนต่างจังหวัด ซึ่งครอบครัวต่างจังหวัดส่วนใหญ่เขาจะมีรถกระบะกันทุกบ้าน และด้วยความที่เราเป็นลูกผู้หญิงคนโต เราก็ต้องเสียสละที่นั่งด้านในที่มีแอร์ให้น้องหรือให้คนอื่น ส่วนตัวเราต้องมานั่งท้ายกระบะ แล้วการเดินทางจากหาดใหญ่ไปสงขลามันก็ไม่ใช่ 5 นาที 10 นาที ตอนนั้นรู้สึกว่านั่งจนลมตีแล้วเริ่มคันปากละ (หัวเราะ) และตอนเด็กๆ เราเคยเห็นรถฮอนด้า ซีอาร์-วี ที่หาดใหญ่ เราก็มีความรู้สึกว่า บ้านเราเป็นครอบครัวที่มีคนเยอะ แค่เฉพาะพ่อแม่พี่น้องครอบครัวเราก็ 5 คนแล้ว และรถคันนี้มันใหญ่ดี มันใหญ่พอที่จะทำให้ทุกคนได้นั่งอยู่ในแอร์ด้วยกัน เราเข้าใจตัวเราตอนเด็กๆ ไง บางทีการเดินทางในช่วงกลางวันต้องนั่งหลังกระบะมันก็ร้อน โอเค ตอนเราเป็นเด็กบางทีก็ยังสนุกกับการนั่งท้ายรถกระบะ แต่บางทีมีผู้ใหญ่หรือมีญาติเราก็อยากให้เขาได้นั่งฮอนด้า ซีอาร์-วี เลยกลายมาเป็นอะไรที่ตอบโจทย์เรา เพื่อนเราก็เยอะไง เราชื่อยุ้ย เพราะญาติเยอะ (หัวเราะ)

 

 

เหตุผลอะไรที่ทำให้เจนนี่ตัดสินใจซื้อรถเป็นของตัวเอง

แม่สั่ง (หัวเราะ) นั่นก็เหตุผลหนึ่ง แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันถึงเวลาแล้ว เรามีกำลังพอที่จะซื้อได้แล้ว ถึงเวลาที่เราควรจะมีรถเพื่อตอบสนองตัวเอง เราทำงานเยอะ มันต้องใช้รถอยู่ตลอด เป็นเรื่องของความสะดวกด้วย เจนนี่คิดว่าถ้ามีรถจะทำให้เราสบายขึ้น ไม่ต้องรอเรียกรถในแอปฯ หรือต้องรอเวลาว่าจะอีกกี่นาทีถึงจะได้เดินทาง ก็เลยตัดสินใจซื้อรถเลย อีกเหตุผลคือเราเคยได้ยินแม่พูดกับเราว่า ‘โตขึ้นแล้วซื้อคันนี้ให้แม่หน่อยสิ’ ไอ้เราก็ ‘มันแพงนะ’ แต่แม่อยากนั่งไง และเราเคยได้ยินว่ารถรุ่นนี้ราคาคันเป็นล้านมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และตอนนั้นเรายังเด็กก็รู้สึกว่า ตายแล้ว รถกระบะเฉยๆ ยังไม่รู้ว่าจะซื้อได้หรือเปล่าเลย (หัวเราะ)

 

คุณพ่อคุณแม่ของคุณได้ลองนั่งรถของคุณหรือยัง

นั่งแล้ว เขานั่งก่อนฉันอีก เขาบินขึ้นมากรุงเทพฯ เพื่อที่จะนั่งรถเลย (หัวเราะ) แต่ว่าเจนนี่ยังไม่เคยเป็นคนขับให้พ่อกับแม่นั่งนะ เป็นน้องชายขับ เพราะตัวเราก็ยังไม่ถึงขั้นว่างที่จะพาเขาไปเที่ยว รู้สึกตอนนั้นเขาจะไปเที่ยวชุมพรกัน เราก็เอ๊ะ ขับรถกูไปไกลจัง (หัวเราะ)

 

ในฐานะที่เคยนั่งรถของเจนนี่แล้วครั้งหนึ่ง แล้วเราเองก็สะดุดกับชื่อเรียก ‘น้องหนึ่ง’ ที่เจนนี่ใช้เรียกรถ ชื่อนี้ได้มาอย่างไร

เรามีความรู้สึกว่ารถคันนี้เขาอยู่กับเราตลอด แล้วรถก็เป็นเหมือนสิ่งหนึ่งที่มีผลกระทบต่อชีวิตเหมือนกันนะ ความปลอดภัยเอย หรืออะไรก็ตาม ชีวิตเราขึ้นอยู่กับเขา เราก็ควรจะให้ความรักกับเขา ถ้าเราตั้งชื่อให้ เราก็จะสนิทกับเขา ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะตั้งหรอก แต่วันที่ไปรับรถ เราก็เข้าไปแบบ ‘ลูกจ๋า’ (หัวเราะ) มันเป็นสมบัติชิ้นใหญ่ชิ้นแรกของเจนนี่ และทุกครั้งเวลาไปทำงานที่อื่นนานๆ กลับมาเราก็อยากจะคุยกับเขา ‘น้องหนึ่ง แม่ไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาฝากจากเกาหลีเลย’ (หัวเราะ) ก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านเราจะพูดกับเขาตลอดทุกครั้ง อาจเป็นเพราะเจนนี่เป็นคนเชื่อเรื่องดวงด้วยแหละ เราก็เลยพยายามจะพูดคุยกับเขา หรือไหว้พระขอพร พูดกับเขาว่า ‘น้องหนึ่งพาแม่ไปทำงานหน่อยนะ’ ‘น้องหนึ่งอย่าดื้อ’ ‘น้องหนึ่งกลับบ้านกัน’ แต่เคยมีครั้งหนึ่งเอารถไปเฉี่ยวกำแพง เราก็ตกใจร้องขึ้นมา ‘น้องหนึ่ง ทำไมน้องหนึ่งไม่ระวัง’ (หัวเราะ) ไม่โทษตัวเองด้วยนะ

 

สิ่งที่เจนนี่ชอบทำเวลารถติดอยู่บนถนน

เราชอบรถติดมาก ชอบขับไปที่รถติดๆ (หัวเราะ) เราเป็นคนรักการเดินทางมั้ง เราชอบขับรถคนเดียว ชอบนั่งฟังเพลงคนเดียว เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นเวลาส่วนตัวที่สุดของเรา เหมือนมันได้อยู่กับตัวเอง ซึ่งเวลาส่วนตัวจริงๆ นอกจากที่เรามีคือการนอน แต่เวลาขับรถมันเหมือนได้ทบทวนกับตัวเอง พอฝนเริ่มตกก็เอาละ เปิดเพลงหน่อย มันมีเวลาให้คิดอะไรเยอะมาก และฮอนด้า ซีอาร์-วี ก็ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะ Apple CarPlay ที่เราแค่เชื่อมต่อไอโฟนของเรากับเครื่องเล่น เราก็สามารถควบคุมหน้าจอมือถือของเราได้จากบนจอเลย

 

 

ในฐานะมือใหม่หัดขับ คุณขจัดความกลัวของตัวเองออกไปได้อย่างไรในวันที่ลงถนนครั้งแรก

พูดตรงๆ ว่าไม่กลัวเลย เพราะเรารู้สึกว่าเราอยากอวดรถมาก (หัวเราะ) แต่ก็ต้องขอบคุณฮอนด้า ซีอาร์-วีด้วย คือกล้องไฟเลี้ยว Honda LaneWatch ช่วยให้เจนนี่รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เพราะพอเปิดไฟเลี้ยวซ้ายปุ๊บภาพมันจะขึ้นที่หน้าจอด้วย เอออันนี้ตอบโจทย์ เพราะบางทีเรามองไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่แซงขึ้นมา แต่ด้วยกล้องนี้ทำให้เราเห็นได้กว้างกว่ากระจกมองข้างอีก หรืออย่างปุ่ม Auto Brake Hold ที่มันช่วยเราเวลาที่ติดไฟแดงนาน ๆ พอเหยียบเบรกจนรถจอดสนิทแล้วก็ไม่ต้องเหยียบเบรกแช่ไว้ รถก็ยังจอดนิ่งสนิทได้

 

อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าเจนนี่เป็นคนมีของเยอะ พร็อพเยอะ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ช่วยตอบสนองพฤติกรรมของเจนนี่ได้มากน้อยแค่ไหน

อย่างที่เห็นๆ เลยค่ะ ฮอนด้า ซีอาร์-วี สามารถขนของได้เยอะ และเจนนี่เป็นคนมีกระเป๋าใบใหญ่กว่าทุกคนตลอดเวลาไปต่างจังหวัด ล่าสุดไปสงกรานต์ที่ขอนแก่น ไปสี่วันแต่รองเท้าหกคู่ เฮ้ย ไม่เข้าใจ เอาไปทำไมเยอะแยะ (หัวเราะ) เราก็เอาไปเผื่อ ชีวิตเราเป็นคนชอบขนของเยอะอยู่ตลอด เวลาไปออกกอง เราก็ขนรองเท้าไปเยอะๆ บางทีเขาขอรองเท้าส้นสูงดำหัวแหลม หัวทู่ เราก็พกไปเผื่อ ในรถคือใส่ได้ทุกอย่าง พับเบาะก็สามารถพับได้หลายแบบ พับให้มันราบทั้งแถบเลยก็ได้ เวลาไปเที่ยวเพื่อนเมาก็ให้นอนยาวได้เลย สบายมาก (หัวเราะ) และไหนจะมีประตูท้ายไฟฟ้าที่เวลาเปิดก็ไม่จำเป็นต้องใช้มือเปิดเพียงอย่างเดียว ถ้าหอบของจนมือไม่ว่างเปิด ก็แค่ยื่นเท้าไปใต้ท้องรถ วันไปรับรถเจนนี่เล่นอยู่หลายรอบเลยเพราะชอบมาก (หัวเราะ)

 

 

เหมือนรถคันนี้เป็นบ้านอีกหลังของคุณไปโดยปริยาย

จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เพราะเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่บ้านไฟดับ เพราะว่าต่างคนต่างยุ่ง แล้วไม่มีคนจ่ายค่าไฟ แล้วเราก็ตื่นมาแต่เช้ามืดเพราะมีนัดกับเพื่อนๆ ทำบุญวันเกิด แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ไฟดับ แต่ไม่เป็นไรไฟมือถือเรายังมี ก็เลยเปิดไฟมือถือเข้าห้องน้ำ อ้าวน้ำไม่ไหลอีก ทำไงวะ! จะไม่ไปก็ไม่ได้ เราก็เลยต้องลงไปอาบน้ำก๊อกข้างล่าง สระผมนู่นนี่นั่น อ้าว ทำยังไงดีผมมันไม่แห้ง เราก็เลยตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถ นั่งอยู่ครึ่งชั่วโมง เอาหัวจ่อตรงช่องแอร์ (หัวเราะ) ทำอยู่อย่างนี้จนผมแห้ง แล้วก็แต่งหน้าในรถ ฟังเพลงไปด้วย สบายใจมาก การมีน้องหนึ่งช่วยเหลือได้ทุกอย่าง จนทำให้เจนนี่รู้สึกว่ารถคันนี้เป็นทุกๆ อย่างให้เรา และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเจนนี่ได้จริงๆ