เมื่อการเมาว่าแย่แล้ว แต่การเมาค้างเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะไม่มีใครอยากตื่นขึ้นมาพร้อมหัวที่ปวดแทบจะระเบิด คอแห้งผากเหมือนตกอยู่ในทะเลทราย ท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้ พะอืดพะอม เหงื่อแตก สมองไม่ทำงาน กลายเป็นมนุษย์ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งในทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าวิธีไหนแก้อาการเมาค้างได้ผลชะงัดที่สุดนอกจากการดื่มไม่เกินปริมาณที่กำหนด แต่หากว่าคุณพลาดไปแล้ว ดื่มจนเกินลิมิตทั้งที่รู้ว่าวันรุ่งขึ้นมีนัดสำคัญหรือต้องประชุมกับเจ้านาย ไม่ดีแน่ถ้าจะปรากฏตัวในสภาพที่เหมือนซอมบี้เดินได้ หรือถ้าจะให้ยกเลิกนัดกลางคันก็ดูไม่เป็นมืออาชีพไปสักหน่อย
หากรู้ตัวว่าตกอยู่ในสถานการณ์นี้บ่อยครั้ง ขอบอกว่าโชคดีมากที่คุณได้อ่านบทความชิ้นนี้ เพราะเราได้รวบรวม 5 ขั้นตอนปกปิดอาการเมาค้างไม่ให้คนจับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากว่าคนคนนั้นคือเจ้านายของคุณเอง
Photo: giphy.com
1. อัดวิตามินรวมชดเชยที่ขาดไป
เนื่องจากแอลกอฮอล์เข้าไปลดฮอร์โมนที่ต้านการขับน้ำ ทำให้ไตขับน้ำออกจากร่างกายมากขึ้นผ่านการปัสสาวะ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงเข้าห้องน้ำบ่อยหลังผ่านแก้วที่ 3-4 และตื่นมาด้วยคอที่แห้งผากเหมือนไม่มีของเหลวเข้าสู่ร่างกายมานาน ลำพังแค่ภาวะขาดน้ำยังไม่เท่าไร แต่การปัสสาวะแต่ละครั้งนั้นร่างกายได้ขับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ออกมาด้วย เราจึงต้องเติมสารอาหารเหล่านี้เข้าไปใหม่เพื่อให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ข้อนี้แนะนำโดย นายแพทย์อดัม ฟรายด์แมน จากมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ดังนั้นตื่นมาตอนเช้า สิ่งแรกที่คุณควรทำคือดื่มน้ำเปล่าแก้วโตพร้อมวิตามินรวม โดยเฉพาะโซเดียมและโพแทสเซียมที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้มากยิ่งขึ้น
Photo: giphy.com
2. ให้ความสำคัญกับมื้อเช้า
มื้อเช้าเร่งด่วนสำหรับผู้ที่เมาค้างจนยกหัวแทบไม่ขึ้นคือขนมปังทาเนยถั่วและกล้วยหอม 1 ลูก เพราะสารอาหารเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการดูดซึมน้ำ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับลำไส้ ส่วนใครที่เป็นคอกาแฟ จะดื่มสักแก้วเราก็ไม่ติด แต่ไม่ควรดื่มมากเกินกว่านั้น เพราะกาเฟอีนออกฤทธิ์คล้ายแอลกอฮอล์ นั่นคือเร่งการขับปัสสาวะ แนะนำว่าคุณควรจิบน้ำเปล่าตลอดวัน เพราะกว่าที่ร่างกายจะกลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้งต้องใช้เวลา 1-2 วัน ข้อดีของน้ำเปล่าคือช่วยขับไล่แอลกอฮอล์จากระบบต่างๆ ในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยมอบความชุ่มชื้นคืนให้ผิวอีกด้วย
Photo: giphy.com
3. ปกปิดหลักฐานบนใบหน้าด้วยตัวช่วยเหล่านี้
หลังจัดการกับระบบภายในแล้วก็มาถึงขั้นตอนที่ต้องรับมือกับอาการภายนอก เช่น ใบหน้าที่บวมแดงจากฤทธิ์เหล้า และดวงตาที่แดงก่ำชนิดซ่อนอย่างไรก็ไม่มิด แนะนำว่าหลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วให้โปะด้วยครีมบำรุงผิวหน้าเพื่อเติมความชุ่มชื้น (หากยังมีสติก็ควรทาดักไว้ตั้งแต่ก่อนนอน) จากนั้นให้นำช้อนชาหรือถุงชาไปแช่ช่องฟรีซประมาณ 5 นาที ก่อนนำมาประคบดวงตาไว้สักครู่เพื่อลดการบวมเต่งของดวงตา ส่วนตาที่แดงช้ำแนะนำให้หาซื้อยาหยอดตายี่ห้อ Visine ติดบ้านไว้ ใช้เพียง 1-2 หยด จากนั้นให้นวดเปลือกตาเบาๆ วิธีนี้ช่วยลดความแดงได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ควรใช้บ่อย เพราะอาจมีผลข้างเคียงหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เผื่อไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า
Photo: giphy.com
4. ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากลมหายใจและเหงื่อ
หลังจากแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมแปรงลิ้นของคุณด้วย เพราะบริเวณนี้มีแบคทีเรียสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก (ไวน์แดงเลิฟเวอร์ควรเช็กให้ดีว่ายังมีคราบไวน์ติดที่ริมฝีปากหรือไม่ แนะนำให้ใช้แปรงสีฟันปัดเบาๆ เพื่อกำจัดคราบ) ก่อนปิดท้ายด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปากสูตรปราศจากแอลกอฮอล์ แต่หากว่าทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ยังไม่สามารถกลบกลิ่นเหล้าและบุหรี่ได้หมด แนะนำให้กินโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เพราะมีการศึกษาจาก International Journal of Oral Science พบว่าการกินโปรไบโอติกส์ที่พบในโยเกิร์ตจะช่วยลดกลิ่นปากได้ดี
Photo: giphy.com
5. ปรับลุคให้ดูสะอาด ปลอดสารพิษ
เอาล่ะ มาถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนออกจากบ้าน แทนที่จะใส่เสื้อผ้าสีเข้ม แนะนำให้เลือกเสื้อผ้าสีอ่อนๆ เนื้อผ้าบางเบา ถ่ายเทอากาศได้ดี เช่น ผ้าคอตตอนหรือลินิน เนื่องจากเอทานอลในแอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัว คุณจึงรู้สึกอบอ้าวและเหงื่อออกได้ง่าย ซึ่งเหงื่อที่ถูกขับออกมาจะมีกลิ่นเหล้าติดมาด้วย เพราะเอทานอลถูกขับออกมาทางปัสสาวะและเหงื่อของคนเรานั่นเอง ทางที่ดีคุณจึงควรระงับการเกิดเหงื่อให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าเดินผ่านใครคนก็รู้กันทั่วว่าเมื่อคืนนี้ไปทำอะไรมา
Photo: giphy.com
อ่านเรื่องไขปริศนา ทำไมเราถึงแฮง… และแก้แฮงยังไงจึงอยู่หมัดได้ที่นี่
อ้างอิง:
