นับวันแพลตฟอร์มและตลาดซื้อ-ขายสินค้าลักชัวรีมือสองยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจในเรื่องประเด็นสิ่งแวดล้อม จนหลายแบรนด์ต่างลงทุนกับการเจาะตลาดรีเซลด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่กับแบรนด์สุดหรูที่หลายคนใฝ่ฝันอย่าง Hermès เพราะทางซีอีโอได้ออกมาเน้นย้ำว่า แบรนด์จะไม่ลงมาจับตลาดรีเซล
เว็บไซต์ Fashion Network รายงานความเห็นจากทาง Axel Dumas ซีอีโอของแบรนด์ ว่า Hermès มองตลาดซื้อ-ขายสินค้ามือสองเป็นภัยคุกคามต่อแบรนด์ และมีส่วนในการสนับสนุนสินค้าปลอมแปลงมากขึ้น
“มันจะเป็นอันตรายต่อลูกค้าประจำของเราที่เข้ามาซื้อสินค้าในร้าน” Axel Dumas กล่าวถึงกลยุทธ์การขายสินค้า โดยเฉพาะกระเป๋ารุ่นที่เป็นที่ต้องการอย่าง Birkin ที่มีจำหน่ายที่หน้าร้านเท่านั้น ต้องมีการต่อคิวรอ และไม่มีการขายทางออนไลน์เหมือนสินค้าทั่วไป เพื่อรักษาจำนวน คุณภาพการผลิต และจุดยืนความเป็นแบรนด์ที่เอ็กซ์คลูซีฟที่สุด
“ความต้องการยังคงมีสูงกว่าสินค้าที่เราจะให้ได้ และเราเปิดเผยเรื่องนี้มาตลอดหลายปี เราผลิตสินค้าด้วยเหตุผลเดียวคือคุณภาพ ถ้าเราไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ทั้งในมุมของความชำนาญและวัสดุชั้นยอดได้ ผมเลือกที่จะไม่ทำดีกว่า”
อย่างไรก็ตาม กระเป๋า Hermès ยังคงเป็นที่นิยมในแพลตฟอร์มซื้อ-ขายสินค้ามือสอง โดยทาง Rebag แพลตฟอร์มซื้อ-ขายสินค้าลักชัวรีมือสอง ได้ออกรายงานชื่อว่า CLAIR (Comprehensive Luxury Appraisal Index for Resale Report) เพื่อประเมินมูลค่าของการขายต่อสินค้า โดยมี Hermès มาเป็นอันดับ 1 ที่สามารถรักษามูลค่าเดิมจากหน้าร้านได้ถึง 90% ยังไม่นับรวมรุ่นหายากที่อยู่ตามร้านประมูล ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงหลักล้านบาท
ส่วนแบรนด์อื่นๆ ที่กระโจนลงมาเปิดตลาดสินค้ามือสองเองก็มีตั้งแต่ Gucci ที่จับมือกับ TheRealReal ในการจำหน่ายสินค้ามือสอง หรือ Gucci Vault ที่มีการรวบรวมสินค้าวินเทจหายากของแบรนด์มาอยู่ในช่องทางออนไลน์ รวมไปถึง Valentino ที่ผุดโปรเจกต์ Valentino Vintage โดยจับมือกับร้านขายสินค้าลักชัวรีมือสองถึง 4 ร้าน 4 เมือง ทั้งนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส มิลาน และโตเกียว ขายสินค้ามือสองที่ได้จากการรวบรวมจากลูกค้าที่นำสินค้าวินเทจมาแลกเป็นส่วนลดหน้าร้าน
ภาพ: Edward Berthelot / Getty Images
อ้างอิง: