“อยากทำงานที่ได้เจอคน มีความสุขกับงาน และงานนั้นต้องเลี้ยงเราได้ด้วย”
เชื่อว่าทุกคนมีความฝัน เหมือนกับ ‘มิก-ประภาส ระสินานนท์’ เจ้าของร้านคาเฟ่เล็กๆ แห่งนี้ เขาเองก็เคยเป็นคนหนึ่งที่มีงานประจำ ทำงานเดิมๆ ทุกวันจนล้า ไม่มีเวลาไปตามหาความฝัน จนวันหนึ่งเขาได้เจอกับร้านกาแฟร้านหนึ่งที่เจ้าของร้านสนุกกับการชงกาแฟ คุยกับลูกค้าที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนราวกับเป็นเพื่อนกันมานาน เปิดเพลงที่ชอบ ร้องเพลงและเต้นในยามว่างจากการชงกาแฟ
“ถ้าวันนี้จิตใจเราโอเค เดี๋ยวมันจะพาเราไปตามหาความฝันได้เอง”
Hēi Jīi (อ่านว่า เฮยจี) เริ่มต้นมาจากความว่างเปล่า ย้อนกลับไปในอดีต มิกไม่ได้ตั้งใจจะทำคาเฟ่ด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่อยากมีชีวิตที่มีความสุขในทุกวัน อยากทำอะไรที่ได้เจอผู้คนและสามารถเลี้ยงชีพได้ด้วย เหมือนกับเจ้าของร้านกาแฟที่เขาเคยเจอในวันนั้น จนมาลงตัวที่ร้านกาแฟที่ ‘ไม่ต้องพยายาม’ เขาเริ่มคัดสรรของเก่าในบ้านที่มีอยู่แล้วมาวางให้ถูกที่ถูกทาง แม้จะไม่รู้ว่าของตกแต่งเหล่านี้เข้ากันไหม แต่อย่างน้อยมันก็ใช่สำหรับเขา คาเฟ่แห่งนี้จึงกลายเป็นคาเฟ่แห่งความใช่ แม้แต่ชื่อร้าน Hēi Jīi ที่แปลว่าไก่ดำ ก็มีที่มีน่ารักๆ มาจากเมนูไก่ดำตุ๋นยาจีนที่แม่ทำให้กินบ่อยๆ ตอนเด็ก ชื่อร้านว่าไก่ดำ แต่ไม่มีวี่แววของเมนูไก่ดำเลยสักนิด ชื่อร้านก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาเองไม่รู้ว่าเข้ากับร้านไหม แต่รู้สึกว่ามันใช่และสัมผัสได้
“อยากให้ร้านเป็นพื้นที่ที่ได้เจอผู้คน ได้แลกเปลี่ยนเรื่องราว”
มิกอยากให้ความสัมพันธ์ของผู้มาเยือนนั้นเป็นเหมือนเพื่อน ไม่ใช่เจ้าของร้านและลูกค้า เมื่อมีอะไรอยากจะพูดคุยก็นึกถึง Hēi Jīi ได้เสมอ เพราะความตั้งใจแรกของเขาคือการดูแลจิตใจตัวเองให้ดี ซึ่งการพบเจอผู้คนที่แตกต่างก็เป็นการเติมเต็มจิตใจวิธีหนึ่ง
บรรยากาศร้าน
The Vibes
คาเฟ่แห่งนี้ซ่อนอยู่หลังประตูไม้บานเล็กๆ ในซอยเจริญกรุง 43 เมื่อเปิดเข้าไปจะพบกับบรรยากาศความเป็นจีนย้อนยุค เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งล้วนเป็นของในความทรงจำของมิกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวของจากบ้านอาม่า หรือเก้าอี้ถั่งเต๊ที่พ่อกับแม่ใช้ยกน้ำชา ส่วนบริเวณผนังมีโปสเตอร์ที่ลูกค้าประจำทำเองและเอามาฝาก
เมนูที่เขียนด้วยลายมือ
ภายในร้านมีโต๊ะอยู่ไม่กี่โต๊ะ และมีที่นั่งบริเวณบาร์ มีเมนูที่เขียนด้วยมือวางอยู่ ภาพถ่ายสวยๆ และการเขียนแนะนำเมนูต่างๆ ด้วยลายมือนั้นทำให้คาเฟ่แห่งนี้ดูมีความเป็นมิตรมากขึ้นไปอีก ส่วนของตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ ในร้านนั้นส่วนใหญ่ทางร้านเป็นคนทำเอง ตั้งแต่แผ่นรองจานที่ทำจากกระดาษหนังสือพิมพ์จีนที่โรงพิมพ์อยู่ห่างออกไปไม่ไกล จนถึงฝาแก้วที่ทำจากกระดาษห่อข้าวมันไก่ที่ประทับตราโลโก้ของร้านไว้ด้านบนด้วยความตั้งใจที่ว่า ถ้าอะไรทำด้วยมือได้ก็จะทำด้วยมือ นอกจากนี้การใช้กระดาษประทับตราแทนฝาแก้วยังช่วยลดขยะพลาสติกและมลพิษจากการสกรีนได้อีกด้วย
Hong Kong Papaya Milk (85 บาท)
Shui Xian (180 บาท)
Yin Yang (145 บาท)
The Drinks
เมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอมากที่สุดคือ Hong Kong Papaya Milk (85 บาท) นมมะละกอที่คาเฟ่ในฮ่องกงหลายร้านจะมีติดร้านไว้ เมื่อลองชิมก็พบว่าชอบ เลยลองเอามาปรับสูตรให้รสชาติละมุนขึ้น แต่ทางร้านพบว่าคนไทยยังไม่ชินกับรสชาติของมะละกอกับนมมากนัก อยากให้ลองเปิดใจชิมดู ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบผลไม้อยู่แล้วจะดื่มได้แบบง่ายๆ และอาจได้เมนูโปรดเมนูใหม่เลยทีเดียว
มาคาเฟ่สไตล์จีนทั้งที คงพลาดชาจีนไปไม่ได้ ทางร้านมีชาอู่หลงให้เลือกหลายประเภทตามความชอบ แต่ที่อยากแนะนำคือ Shui Xian (180 บาท) ชาสุ่ยเซียงมีสรรพคุณเรื่องปรับธาตุในร่างกายเมื่อดื่มในปริมาณพอเหมาะ เดินมาร้อนๆ เมื่อดื่มชาสุ่ยเซียงก็จะช่วยปรับให้ร่างกายเย็นขึ้น อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพผิวด้วย ส่วนใครที่ชอบกาแฟ ก็มี Yin Yang (145 บาท) กาแฟเมล็ดไทยและบราซิลที่ใช้การชงด้วยมือ เพราะการชงด้วยมือเป็นการวัดความชำนาญของคนชง ที่จะต้องรีดรสชาติที่ดีที่สุดออกมาโดยไม่ผ่านเครื่อง ซึ่งอาศัยเทคนิคมากกว่า ออกมาเป็นกาแฟ Dirty ในแบบของทางร้าน ส่วนหยินหยางข้างบนนั้นทำมาจากครีม คาราเมล เกลือ และผงโกโก้ รสชาติกลมกล่อมพอดี
Spicy Fried Wonton (150 บาท)
Chinese Spring Roll (150 บาท)
Earl Grey Chiffon (150 บาท)
Gateau Chocolate (120 บาท)
The Dishes
นอกจากเครื่องดื่ม ทางร้านก็มีเมนูอาหารกินเล่นอย่าง Spicy Fried Wonton (150 บาท) เกี๊ยวต้มยำทอด เกี๊ยวแผ่นบางไส้หมูทรงเครื่อง นำไปทอดจนเหลืองกรอบ ราดซอสต้มยำแห้งและโรยด้วยถั่วลิสงคั่ว และ Chinese Spring Roll (150 บาท) ปอเปี๊ยะทอดไส้ล้น อัดแน่นด้วยวุ้นเส้นและผักนานาชนิด จิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยเสริมรสชาติได้ดี ส่วนขนมที่นี่ก็ไม่เหมือนใคร ทั้ง Earl Grey Chiffon (150 บาท) ขนมสไตล์ฝรั่งเศสที่ใช้ชาเอิร์ลเกรย์ตุ๋นกับนมให้ได้เนื้อชานมเข้มๆ ก่อนที่จะไปตีกับแป้งชิฟฟอนนุ่มฟูเพื่อลดความเข้มของชาลง ราดด้วยครีมและอัลมอนด์คั่วแบบฝรั่งเศสเพื่อเพิ่มความหวานชุ่มฉ่ำ กินด้วยกันทั้งเนื้อเค้กและเนื้อครีมในคำเดียวเป็นรสชาติที่ลงตัวมาก และอีกหนึ่งเมนูอย่าง Gateau Chocolate (120 บาท) เค้กช็อกโกแลตแป้งเบาที่ใช้แป้งแค่ 1% สำหรับคนรักสุขภาพ
ตอนนี้มิกและทีมงานของร้านยังสนุกกับการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ทดลองจากของที่มี หยิบจับไปเรื่อยๆ หลังจากนี้อาจจะมีเมนูใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกมากมาย และ Hēi Jīi จะกลายเป็นเพื่อนใหม่ของคุณอีกหนึ่งคน
Hēi Jīi
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ 09.00-18.00 น. (ปิดวันจันทร์)
Address: ซอยเจริญกรุง 43 บางรัก กรุงเทพฯ
Budget: 100-300 บาท
Contact: 06 2709 4545
Website: https://www.facebook.com/heijiibkk/
Map:
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า