หลังจากปล่อยให้ผู้อ่านได้แต่จินตนาการภาพการผจญภัยในโลกเวทย์มนตร์จากตัวหนังสือของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง เป็นเวลา 4 ปี ในที่สุด Harry Potter and the Philosopher’s Stone หรือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ ก็ได้ออกสู่สายตาของผู้ชมอย่างเป็นทางการ และสร้างปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้นให้กับโลกภาพยนตร์ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2001
โดยเฉพาะการเนรมิตสถานีรถไฟคิงส์ครอส, ชานชาลาที่ 9/3, รถไฟหัวรถจักรไอน้ำ, ตรอกไดแอนกอน, หมู่บ้านฮอกส์มี้ด, บัตเตอร์เบียร์, โรงเรียนเวทย์มนตร์ฮอกวอตส์, หมวกคัดสรรจอมจ้อ, ห้องอาหารสุดอลังการ, ห้องนั่งเล่นบ้านกริฟฟินดอร์, ห้องเรียนเวทย์มนตร์, งานแข่งควิดดิช และอีกสารพัดสิ่งในโลกเวทย์มนตร์ ที่ทีมผู้สร้างเนรมิตออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
รวมทั้งการแจ้งเกิดนักแสดงอย่าง เจ้าหนูแดเนียล แรดคลิฟฟ์ ในบท แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ตอนนั้นยังเป็นเด็กซน ชอบเอาไม้กายสิทธิ์มาตีเป็นไม้กลอง จนทำหักไป 80 อัน ที่ตอนหลังพัฒนาและท้าทายความสามารถในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ด้วยบทบาทและรูปลักษณ์ดิบๆ โหดๆ ไว้หนวดเครา จนแทบไม่เหลือเค้าโครงของพ่อมดน้อยน่ารักให้แฟนๆ ได้ชื่นชมอีกเลย
เอ็มมา วัตสัน ในบท เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ ตอนนั้นก็ยังเป็นเด็กสาวหัวฟูที่คอยช่วยเหลือเพื่อนๆ ด้านการเรียน และพยายามเคี่ยวเข็ญให้เพื่อนๆ ออกเสียงร่ายคาถา ‘วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า’ ให้ถูกต้อง ก็เติบโตขึ้นเป็นนักแสดงสาวมากฝีมือ ยิ่งโตยิ่งสวย และยังมีทัศนคติที่ยอดเยี่ยม และใช้ความมีชื่อเสียงของตัวเองในการรณรงค์แคมเปญต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสังคมอยู่เสมอ
รวมทั้งนักแสดงเด็กคนอื่นๆ อย่าง รูเพิร์ต กรินท์ ในบท รอน วีสลีย์, บอนนี ไรท์ ในบท จินนี่ วีสลีย์, แมทธิว ลูอิส ในบท เนวิลล์ ลองบอตทอม, ทอม เฟลตัน ในบท เดรโก มัลฟอย รวมอีกหลายคนที่เติบโตและมีที่ทางของตัวเองในวงการบันเทิงได้จากบทบาทเด็กน้อยไร้เดียงสาในโลกเวทย์มนตร์
ก่อนหน้านี้ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่ได้ฉายาว่า พ่อมดแห่งวงการฮอลลีวูด เกือบจะได้มาเป็นผู้กำกับ และถ่ายทอดเรื่องราวในโลกเวทย์มนตร์นี้ด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากความคิดเห็นในการพัฒนาภาพยนตร์ที่ไม่ตรงกับกับทีมผู้สร้าง เขาเลยตัดสินใจไปกำกับหนังเรื่อง A.I. Artificial Intelligence ที่เข้าฉายในปีเดียวกันแทน
นอกจากนี้ยังมีผู้กำกับอีกเป็นจำนวนมากที่มีสิทธิ์ได้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ หนึ่งในนั้นคือ เอ็ม.ไนท์ ชามาลายัน ผู้กำกับที่เพิ่งสร้างชื่อจาก The Sixth Sense มาหมาดๆ ซึ่งเรานึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าโลกเวทย์มนตร์ที่แสนสดใสจะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในมือของผู้ชายคนนี้
สุดท้าย Warner Bros. ก็ตัดสินใจเลือก คริส โคลัมบัส ผู้เชี่ยวชาญด้านหนังเด็ก ที่สร้างชื่อจาก Home Alone (เข้าฉายวันที่ 16 พฤศจิกายน 1990 วันเดียวกับแฮร์รี่ฯ ภาคแรกพอดี) และ Mrs. Doubtfire มาเป็นผู้กำกับ และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะถึงแม้จะมีคำวิจารณ์จากแฟนหนังสือบางส่วนที่เสียดาย เพราะว่าตัดฉากสำคัญๆ ในหนังสือออกไปมากพอสมควร แต่ Harry Potter and the Philosopher’s Stone ก็สามารถทำรายได้มากถึง 90.3 ล้านเหรียญเพียงแค่สัปดาห์แรกที่เข้าฉาย และทำรายได้รวมไปมากถึง 974.8 ล้านเหรียญ ขึ้นเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 2 เป็นรองเพียงแค่ Titanic เรื่องเดียวเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล