“ผมคิดว่าผมจะไม่รอดแล้ว” แฮร์รี แม็กไกวร์ เปิดใจกับเหตุการณ์ที่เกาะไมโคนอส

กัปตันทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่า เขาคิดว่าชีวิตของเขาจะหาไม่เสียแล้ว จากเหตุการณ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมระหว่างการไปพักผ่อนกับครอบครัวและเพื่อนๆ ที่เกาะไมโคนอส ประเทศกรีซ

เรื่องราวอื้อฉาวดังกล่าวเริ่มต้นจากการที่มีข่าวว่า แฮร์รี แม็กไกวร์ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ในคดีทำร้ายร่างกาย, ขัดขืนการจับกุม และพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ ก่อนที่ศาลเกาะไซรอสจะตัดสินจำคุก 21 เดือน กับอีก 10 วัน แต่ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี

โดยตามรายงานในวันนั้นเปิดเผยสิ่งที่แม็กไกวร์ ซึ่งได้มีการปะทะกันด้วยเข้าใจว่าจะถูกลักพาตัว ได้แสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในภายหลังว่าเป็นกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยินดีที่จะจ่ายเงินให้เพื่อแลกกับการปล่อยตัวไป 

ในประเด็นนี้ทีมกฎหมายของกองหลังค่าตัว 80 ล้านปอนด์ พยายามแก้ต่างว่าอาจเป็นการเข้าใจผิดในการสื่อสาร แม็กไกวร์เพียงต้องการจะเสียเงินค่าปรับเท่านั้น 

ด้านทนายความอย่าง ดร.โยนนิส พาราดิสซิส ซึ่งว่าความให้แก่ 2 จาก 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ เชื่อว่าเรื่องนี้จะผ่อนจากหนักเป็นเบาลงอย่างมาก หากเพียงแค่แม็กไกวร์กล่าวคำขอโทษต่อเจ้าหน้าที่ และการที่นักฟุตบอลในระดับนี้ปฏิเสธที่จะกล่าวคำขอโทษนั้นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างมาก

อย่างไรก็ดี สำหรับแม็กไกวร์ จากการเปิดใจในรายการสถานีโทรทัศน์ BBC ล่าสุดดูเหมือนเขาจะยืนยันจุดยืนเดิม

ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษ?

และความจริงแล้วตัวเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายหวาดผวากลัวว่าจะเสียชีวิตไปแล้ว 

แม็กไกวร์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า “ผมไม่รู้สึกว่าผมติดค้างคำขอโทษต่อใครทั้งนั้น คำขอโทษนั้นเป็นสิ่งที่เราจะพูดก็ต่อเมื่อเราทำผิด”

โดยเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งไม่ได้แสดงตัว ได้ลากพวกเขาออกมาจากรถมินิบัสในเกาะไมโคนอส ก่อนจะโยนพวกเขาออกจากรถ

เจ้าหน้าที่ได้มีการทำร้ายที่ขา ซ้ำยังขู่ว่า “อาชีพนักเตะของแกมันจบแล้ว”

“พวกเขาทำร้ายผมที่ขา แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้น ตอนนั้นผมตื่นตระหนกอย่างมาก ผมกลัวว่าผมจะไม่รอดแล้ว”

กัปตันทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งไม่รู้ว่าเขาและครอบครัวรวมถึงเพื่อนกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ ได้พยายามที่จะวิ่งหนี โดยที่มือข้างหนึ่งถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ 

อารมณ์อ่อนไหวทำให้แม็กไกวร์กลั้นน้ำตาไม่ไหว พร้อมกับยืนยันว่า เขาไม่ต้องการให้ใครก็ตามต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน เพราะมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน “ผมไม่หวังว่าจะมีใครต้องเจอแบบเดียวกับผมอีก แน่นอนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เกิดความยากลำบากกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งผมเสียใจที่ทำให้แฟนๆ และสโมสรต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด

“ผมตกอยู่ในสถานการณ์ที่มันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกที่”

ลำดับเหตุการณ์ที่เกาะไมโคนอสเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ตามคำบอกเล่าของ แฮร์รี แม็กไกวร์

• แม็กไกวร์เดินทางไปพักผ่อนพร้อมกับ เฟิร์น คู่หมั้น และ เดซี น้องสาว รวมถึงพี่ชายและแฟนสาวของพี่ชาย รวมทั้งเพื่อนสองคนที่ไปพร้อมกับคนรักด้วยเช่นกัน
• ทั้งหมดไปดื่มในสถานที่แห่งหนึ่งในเกาะไมโคนอส ก่อนจะส่งข้อความให้คนขับรถมินิบัสมารับกลับที่พัก
• คนขับรถมาช้าไป 20 นาที ซึ่งแม็กไกวร์บอกว่าตอนนั้นทุกคนเหนื่อยและอยากจะกลับไปพักที่วิลล่า
• มีชาย 2 คน เข้าถึงตัวเดซี และถามว่าเธอมาจากที่ไหน ก่อนที่เฟิร์นจะเห็นว่าน้องสาวของแม็กไกวร์ตาเหลือก จึงรีบวิ่งไปและพบว่าเดซีกำลังเป็นลม หมดสติ
• ถึงตรงนั้นแม็กไกวร์บอกว่า “ทุกคนตะโกนและร้องกันระงม” ก่อนที่จะมีชาย 3 คนที่แต่งกายในชุดเรียบๆ เข้ามา
• แม็กไกวร์ยืนยันว่า กลุ่มของพวกเขาไม่ได้พยายามโต้เถียงหรือขัดขืน มีแต่การตะโกน ตะคอกใส่กัน แต่ไม่ได้มีการต่อสู้ใดๆ เหมือนในรายงานข่าว
• แม็กไกวร์บอกว่า มีชายชาวกรีกพยายามขอให้ใจเย็นๆ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มเกรี้ยวกราด
• รถมินิบัสมาถึง แม็กไกวร์บอกว่า พวกเขาพาเดซีขึ้นรถบัส ซึ่งเรื่องก็มีแค่นั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่สื่อบอก มีการตะโกนกันก็เพราะตกใจ แต่ไม่ได้มีการต่อสู้อะไรกัน
• แม็กไกวร์บอกให้คนขับรถพากลับวิลล่า และวางแผนที่จะเดินทางไปโรงพยาบาล แต่เดซีมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
• รถบัสวิ่งไปได้ 5-10 นาที ก่อนจะหยุดและจอดข้างถนน “พวกเรามองไปข้างนอก และเห็นมีคน 8 คน ล้อมรถอยู่ ทั้งหมดอยู่ในชุดเรียบๆ เหมือนกัน”
• ประตูรถถูกเปิดออก แม็กไกวร์กับเพื่อนถูกโยนออกจากรถ
• แม็กไกวร์บอกว่า ชายเหล่านั้นไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย ถึงจุดนี้แม็กไกวร์คิดว่าพวกเขาอาจจะโดนลักพาตัวแล้ว
• แม็กไกวร์และเพื่อนพยายามวิ่งไปที่ถนนใหญ่ เขาโทรหาเอเจนต์เพื่อขอความช่วยเหลือ และทิ้งข้อความไว้ใน WhatsApp ของกลุ่ม
• แม็กไกวร์บอกว่า ตอนที่เขาเดินกลับไปที่รถ เขาและเพื่อนถูกล้อมโดยชายเหล่านั้นที่เริ่มเดินเข้ามาประชิด
• “เราโดนสั่งให้คุกเข่าและชูมือขึ้นฟ้า พวกเขาเริ่มทำร้ายพวกเรา พวกเขาใส่กุญแจมือพวกเราเอาไว้ข้างหนึ่ง ก่อนจะเริ่มทำร้ายขาของผม และบอกว่าอาชีพนักเตะของผมจบแล้ว “ไม่มีเกมฟุตบอลอีก แกจะไม่ได้เล่นอีก” ถึงจุดนี้ผมคิดว่าคงไม่มีโอกาสแล้วที่จะมีตำรวจ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ดังนั้นผมจึงพยายามหนีทั้งที่ถูกใส่กุญแจมือข้างหนึ่ง ผมพยายามขยับมือของผม ซึ่งตรงนี้เองที่เขาหาว่าผมขัดขืนการจับกุมและเอาไปตั้งข้อหา ทั้งๆ ที่เราไม่ได้มีการต่อยกัน ตอนนั้นผมไม่เชื่อว่าพวกเขาเป็นตำรวจ”
• จากนั้นพวกเขาถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจและถูกคุมตัวในห้องขัง “มันบ้ามาก แต่ตอนนั้นคือตอนที่ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น มีคนในห้องขังพยายามบอกให้ผมใจเย็นๆ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ผมเชื่อว่าผมอยู่ในคุกจริงๆ”

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

• https://www.bbc.com/sport/football/53941208
• https://www.bbc.com/news/world-europe-53918506
• https://www.bbc.com/sport/football/53920365