×

กระทรวงสาธารณสุขเผย ช่วงฤดูฝนอาจมีเด็กป่วยเป็นโรคมือเท้าปากสูง ครึ่งปีแรกพบผู้ป่วยถึง 14,294 ราย

25.06.2019
  • LOADING...
กระทรวงสาธารณสุข

วันนี้ (25 มิ.ย.) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงฤดูฝนเด็กเล็กมักป่วยบ่อยจากโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งโรคมือเท้าปาก ซึ่งในเดือนมิถุนายน-สิงหาคมของทุกปี หรือช่วง 3 เดือนของฤดูฝนเป็นช่วงที่พบผู้ป่วยสูง โดยในปี 2561 พบผู้ป่วยมือเท้าปาก 34,630 ราย คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนผู้ป่วยตลอดทั้งปี แต่สำหรับปี 2562 ตั้งแต่ 1 มกราคม – 17 มิถุนายน พบผู้ป่วยแล้ว 14,294 ราย หากนับเฉพาะวันที่ 1-17 มิถุนายน พบแล้ว 1,603 ราย โดยผู้ป่วยร้อยละ 68 เป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี 

 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งออกมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์โรค และให้คำแนะนำศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล/ประถมศึกษา คัดกรองเด็กทุกวัน และล้างมือให้เด็กบ่อยๆ หากพบเด็กมีไข้ มีตุ่มแดง หรือมีแผลในปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และส้นเท้า ขอให้แจ้งผู้ปกครองรับเด็กกลับบ้าน และทำความสะอาดห้องเรียน ของเล่น เครื่องเล่น เครื่องใช้ โต๊ะ และเก้าอี้ ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

 

“ขอให้ผู้ปกครองหมั่นล้างมือให้เด็ก หากเด็กมีไข้ บ่นเจ็บในปาก กลืนน้ำลายไม่ได้ ไม่กินอาหาร ไม่ดูดนม อาจมีน้ำลายไหล ขอให้สังเกตภายในปากว่ามีตุ่มแผล หรือมีตุ่มพองสีขาวขุ่น รอบๆ เป็นสีแดงที่นิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ส้นเท้า กดเจ็บ ไม่ค่อยแตกเป็นแผล ในเด็กเล็กๆ บางครั้งจะพบมีผื่นนูนสีแดงเล็กที่ก้น ส้นเท้า อาจเป็นโรคมือเท้าปาก ขอให้หยุดเรียน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่เด็กคนอื่น แต่หากเด็กมีอาการแทรกซ้อน เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ ให้รีบนำเด็กไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที” นายแพทย์สุขุมกล่าว

 

นอกจากนี้ นายแพทย์สุขุมได้กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันโรคมือเท้าปากทำได้โดยไม่ควรพาเด็กเล็กไปในที่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด สระว่ายน้ำ ควรอยู่ในที่ที่มีการระบายถ่ายเทอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย และระมัดระวังการไอจามรดกัน ให้ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังเตรียมอาหาร รับประทานอาหาร และภายหลังขับถ่ายทุกครั้ง ใช้ช้อนกลาง และหลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำหรือหลอดดูดน้ำร่วมกัน

 

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก โดยแพทย์จะรักษาตามอาการ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรับไว้นอนรักษาในโรงพยาบาล โดยให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด หยอดยาชาในปาก เพื่อลดอาการเจ็บแผลที่ปาก ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยการขาดน้ำ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ส่วนใหญ่จะหายไปได้เองในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนเด็กที่มีอาการรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น รับประทานอาหารหรือนมไม่ได้ มีอาการสมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภาวะปอดบวมน้ำ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้ออ่อนแรงคล้ายโปลิโอ แพทย์จะรับไว้รักษาเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดในโรงพยาบาล 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising