สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่ออกมาคาดการณ์ว่า ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จะกลายเป็นแรงกดดันทางการเมืองที่บีบให้บรรดาบริษัทเอกชนจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ ต้องระเห็จออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ เดวิด โลวินเกอร์ นักวิเคราะห์จาก TCW Group คาดว่า ภายในปี 2024 บริษัทสัญชาติจีนส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในเวลานี้ จะไม่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบถึงนักลงทุน เพราะบริษัทส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงด้วยเช่นกัน และบริษัทที่จะทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำด้านเทคโนโลยีของจีนอย่าง Alibaba, JD.com, Baidu, NetEase และ Weibo
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ประชุมผ่านทางวิดีโอออนไลน์ โดยเน้นย้ำถึงความเป็นพันธมิตรระหว่างสองชาติ ท่ามกลางความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกของจีนกับรัสเซียที่ถดถอยลง
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้สร้างความร่วมมือรูปแบบใหม่บนหลักการของการไม่แทรกแซงกิจการภายใน เคารพประโยชน์ระหว่างกัน และความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนชายแดนระหว่างสองประเทศให้เป็น ‘เส้นทาง’ ของสันติภาพและความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
ขณะเดียวกัน ผู้นำรัสเซียยังได้หยอดว่าตนเองหวังจะได้พบผู้นำจีนในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และทั้งสองประเทศต่างสนับสนุนซึ่งกันและกันในด้านความร่วมมือกีฬา รวมทั้งการไม่ทำให้กีฬาและโอลิมปิกเป็นการเมือง หลังจากที่ชาติตะวันตกหลายประเทศ นำโดยสหรัฐฯ ประกาศไม่ส่งนักการทูตหรือเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ เข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อประท้วงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของซินเจียงอุยกูร์ในจีน
การพบปะกันของสองผู้นำในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่จีนกับรัสเซียกำลังเผชิญหน้ากับความกดดันจากชาติตะวันตก โดยขณะที่จีนกำลังตึงเครียดกับสหรัฐฯในเรื่องสิทธิมนุษยชน รัสเซียเองก็กำลังอยู่ในจุดตึงเครียดกับสหภาพยุโรปและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ต่อกรณีการเพิ่มกองกำลังตามชายแดนยูเครน
ขณะเดียวกัน ในการประชุมออนไลน์ครั้งนี้ประธานาธิบดีปูตินยังชื่นชมประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและประเทศจีนที่ให้ความร่วมมือในการรับมือกับโรคโควิด หลังบริษัทจีน 6 แห่งได้ทำสัญญาผลิตวัคซีน Sputnik ของรัสเซียจำนวน 150 ล้านโดส
ด้านเว็บไซต์ Global Times ของทางการจีน อ้างอิงรายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ที่เปิดเผยว่า มีการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนพฤศจิกายน โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวได้ดีเกินคาด เนื่องจากได้ปัจจัยหนุนจากการผลิตพลังงานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับปานกลาง
ทั้งนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายนของจีนปรับตัวขึ้น 3.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าในเดือนตุลาคมที่ปรับตัวขึ้น 3.5 เปอร์เซ็นต์ และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 3.6 เปอร์เซ็นต์
ยิ่งไปกว่านั้น รายงานการส่งออกนำเข้าสินค้าของจีนในเดือนพฤศจิกายน พบว่ามีการขยายตัวได้อย่างมั่นคง โดยมูลค่านำเข้าส่งออกของจีนรวมกันเพิ่มขึ้น 20.5 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 3.72 ล้านล้านหยวน และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมที่ 17.8 เปอร์เซ็นต์
รายงานระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวสะท้อนได้ว่าจีนสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ และมีแนวโน้มจะเป็นไปในทางบวกมากขึ้น เพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐ ที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงให้คำมั่นว่าจะมุ่งเน้นการสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจและรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจไว้ในกรอบที่เหมาะสมในปี 2022
อ้างอิง:
