×

“ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ มันย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้” คุยกับ เมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ ผู้นำเข้า Guardian นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่แห่งยุค [Advertorial]

29.05.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • Guardian System เป็น Smart Camera ที่จะติดตั้งไว้ในรถ ซึ่งจะทำการตรวจจับสายตาและใบหน้าของคนขับรถตลอดเวลา เมื่อหลับในหรือละสายตาจากถนนเกินจากวินาทีที่กำหนดไว้ ระบบจะเตือนคนขับรถทันทีด้วยระบบสั่นและเสียง
  • เมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เคจีพี จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย การเปิดตัวระบบ Guardian เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมาได้รับความนิยมอย่างมาจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนส่ง
  • เทคโนโลยีก่อนหน้านี้จะใช้กล้อง CCTV ซึ่งถ้ามีรถเป็นร้อยๆ คันก็ต้องมีคนมานั่งเฝ้าจอทีวี ยังไงก็มองไม่ทัน หรือถ้าเราเห็นทัน แอ็กชันที่จะโทรเข้าไปหาคนขับรถก็ใช้เวลาและอาจไม่ทันท่วงที
  • ภายใน 4 เดือนที่ผ่านมา มีการติดตั้ง Guardian กว่า 1,000 เครื่อง เราตรวจพบและแจ้งคนหลับในไปแล้วเกิน 14,000 ครั้ง และเหตุการละสายตาที่ไม่มองถนนเกิน 4 วินาทีที่ตั้งไว้กว่า 400,000 ครั้ง

คุณเคยละสายตาระหว่างที่ขับรถไหม

 

ละลายตาในที่นี้อาจจะเพราะแค่พักสายตาระหว่างรถติด ตอบไลน์ในมือถือ เปลี่ยนคลื่นวิทยุ กินขนม หรือหนักกว่านั้นถึงขั้นหลับใน

 

พัฒนาการของเทคโนโลยีเข้ามาทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นในหลายๆ ด้าน  

 

หนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการขับรถ นอกเหนือจากนวัตกรรมของยานยนต์ที่ดีขึ้นและมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างยิ่งยวดแล้ว แต่ Human Error หรือความผิดพลาดจากมนุษย์เอง ยังเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้เสมอ

 

จากสถิติของกรมขนส่งทางบก สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนเป็นอันดับสาม รองจากความเร็วเกินกำหนดและการเว้นระยะรถที่ไม่เหมาะสมแล้ว นั่นคือการหลับในหรือการละสายตาจากท้องถนน วิธีแก้เบื้องต้นนอกจากดื่มกาแฟดำเข้มๆ และแวะจอดล้างหน้าแล้วนั้น ยังมีเทคโนโลยีที่แม่นยำและปลอดภัยกว่าที่เคย

 

นั่นคือ Guardian ระบบตรวจจับการละสายตา เทคโนโลยีจากประเทศออสเตรเลียที่ เมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เคจีพี จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย การเปิดตัวระบบ Guardian เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมาได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนส่ง

 

แต่ไม่เพียงธุรกิจขนส่งเท่านั้นที่ควรสนใจระบบ Guardian นี้ เพราะอุบัติเหตุมีสิทธิ์เกิดขึ้นกับทุกคน

 

และมันใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

 

 

จุดเริ่มต้นของการนำระบบ Guardian เข้ามาในเมืองไทย

ธุรกิจของครอบครัวคือบริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ขนส่งวัตถุอันตรายจำพวกน้ำมัน แก๊ส และสารเคมีอันตรายต่างๆ ซึ่งการขนส่งวัตถุอันตรายนั้นมีความอันตรายค่อนข้างสูง ผมก็พยายามหาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ติดตั้งเทคโนโลยีมากมาย เช่น GPS ที่เป็นกล้องเรียลไทม์เพื่อตรวจเช็กการขับขี่เลย แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องความเสี่ยงในด้านอื่นๆ ที่เรามองว่ามันเป็นความเสี่ยงที่เป็นอันดับต้นๆ อย่างการหลับใน หรือการละสายตาเพราะเสียสมาธิในการขับรถ

 

ซึ่งผมเจอกับเทคโนโลยีจากออสเตรเลียตอนที่ผมไปดูงาน มันเป็นบริษัทขนส่งชั้นนำเจ้าหนึ่งของโลกที่ใช้ Guardian อยู่ด้วย ก็เลยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันจนผมสนใจอยากจะใช้กับบริษัทขนส่งที่บ้านบ้าง ก็เลยนำเข้ามา  

 

สถิติการขนส่งในธุรกิจของคุณเป็นอย่างไรบ้าง

เรามีรถขนส่งประมาณ 500 คันนะครับ เราก็ดูจากสถิติของบริษัทเราด้วย แต่อีกสถิติหนึ่งที่เราเจอคือสถิติของกรมขนส่งทางบก ซึ่งเขาบอกว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนถนนอันดับหนึ่งคือเรื่องของความเร็ว คือใช้ความเร็วที่ไม่เหมาะสม อันดับสองคือการปาดหน้าหรือการเว้นระยะรถที่ไม่เหมาะสม ส่วนอันดับสามคือเรื่องการหลับใน ระบบ Guardian นี้เองซึ่งจะมาช่วยป้องกันการหลับในได้ อีกส่วนหนึ่งของสถิติเรื่องการปาดหน้าหรือการกะระยะที่ไม่เหมาะสม เกิดขึ้นเพราะว่าถ้าคนขับรถเขาไม่มีสมาธิในการขับรถ ไม่ได้มองถนน เล่นมือถือ ระบบ Guardian ก็จะช่วยเตือนด้วย

 

แม้ว่าสถิติของบริษัทเราเองจะไม่ได้มีอุบัติเหตุเยอะมาก เพราะเราก็มีมาตรการการควบคุมเยอะ ทั้งเรื่องชั่วโมงการขับรถหรือการตรวจความพร้อมก่อนที่จะทำงาน แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันก็ยังมีความเสี่ยงเล็ดลอดออกมา ไม่ว่าเราจะป้องกันดีขนาดไหนก็ตาม

 

ก่อนหน้านี้บริษัทขนส่งใช้เทคโนโลยีแบบไหนเข้ามาช่วยป้องกันภัย

ก่อนหน้านี้มันก็จะเป็นกล้อง CCTV ซึ่งถ้าเรามีรถเป็นร้อยๆ คันมันก็ต้องมีคนมานั่งเฝ้าจอทีวี แล้วก็คอยสังเกตดูว่ารถคันไหนมีอาการง่วงบ้าง ซึ่งไม่ค่อยได้ผลหรอก ยังไงก็มองไม่ทัน หรือถ้าเราเห็นทัน แอ็กชันที่จะโทรเข้าไปหาคนขับรถก็ใช้เวลา แต่ระบบ Guardian นี่แหละที่จะเข้ามา Disrupt วงการขนส่งจริงๆ เพราะมันตรวจจับด้วยความแม่นยำและเรียลไทม์มากๆ

 

 

ระบบ Guardian ทำงานอย่างไร

Guardian System ซึ่งเป็น Smart Camera ที่จะติดตั้งไว้ในรถแล้วก็จะทำการตรวจจับสายตาและใบหน้าของคนขับรถตลอดเวลา แม้กระทั่งในเวลากลางคืน หรือคนขับรถจะใส่แว่นดำก็ตาม ถ้าขับรถปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อเราหลับในหรือละสายตาจากถนนเกินจากวินาทีที่กำหนดไว้ มันก็จะทำการเตือนคนขับรถทันทีเลย การเตือนก็จะมีสองแบบคือ การสั่นที่เบาะ โดยจะติดตั้งมอเตอร์ที่ใต้เบาะ เมื่อมันส่งสัญญาณมอเตอร์ตัวนี้ก็จะเริ่มสั่นพร้อมๆ กับเสียงเตือนที่ดังมากภายในรถ คนขับรถก็จะสะดุ้งตื่นหรือกลับมามีสติกับท้องถนนได้ นอกจากนั้นถ้าเป็นบริษัทขนส่งขนาดใหญ่ Smart Camera ที่ติดตั้งไว้จะบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วส่งไปยังผู้จัดการให้รับทราบด้วย

 

เราจะเห็นผลได้ง่ายมาก เพราะเรามีการวัดค่าก่อนและหลังติด Guardian จริงๆ คือช่วงที่ติดตั้งอุปกรณ์ครั้งแรก เฟสแรกเราทดลองติดตั้งแต่ปิดเสียงเตือนไว้ก่อนเพื่อเก็บข้อมูล ถ้ามีหลับในหรือละสายตาก็บันทึกเป็นคลิปไว้และมาประมวลว่าเกิดขึ้นกี่ครั้ง ส่วนเฟสสองเราก็เปิดระบบสั่นและเสียงเตือน แล้วดูว่าตัวเลขของการเตือนลดลงขนาดไหน ซึ่งจากสถิติมันก็ลดลงจริงๆ

 

 

เมื่อไรที่เริ่มคิดจะขยายให้กลายเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง คือการขายไปสู่ธุรกิจอื่นและส่วนบุคคล  

ประมาณ 8 เดือน คือว่า 6 เดือนแรกเราก็เห็นผลแล้วว่ามันช่วยได้จริง หลังจากนั้นก็เริ่มดีลกับต่างประเทศว่าเราอยากจะทำตลาดในเมืองไทย เพราะในภูมิภาคนี้ยังไม่มีใครใช้เลย ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามา Disrupt เทคโนโลยีเรื่องการขนส่งได้จริงๆ ไม่ใช่แค่บริษัทขนส่งที่จะได้ประโยชน์ แต่รถสาธารณะหรือรถส่วนบุคคลด้วย ผมก็ตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเป็นส่วนที่นำเข้าและจัดจำหน่ายระบบ Guardian นี้ ตอนนี้เราก็ทำการขายและให้เช่ากับบริษัทขนส่งชั้นนำหลายบริษัทในเมืองไทย รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะและและรถส่วนบุคคลด้วย

 

ใช้ข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาเอาไปขยายผลทำอะไรต่อได้บ้าง

ข้อมูลที่จับได้จาก Guardian มีเยอะมาก อย่างแรกเลยตอนนี้เราติดตั้ง Guardian เกิน 1,000 เครื่องแล้วในเมืองไทย ภายใน 4 เดือนที่ผ่านมา เราตรวจพบและแจ้งคนหลับในไปแล้วเกิน 14,000 ครั้ง เหตุการละสายตาที่ไม่มองถนนเกิน 4 วินาทีที่ตั้งไว้กว่า 400,000 ครั้ง แปลว่าเราป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นไปได้เยอะพอสมควร ส่วนข้อมูลอื่นๆ ที่เราสามารถจับได้ เช่น เหตุการหลับในต่างๆ มันเกิดขึ้นที่ไหนบ้าง ที่ช่วงเวลาไหนเยอะที่สุด หรือว่าขับรถความเร็วเท่าไร ข้อมูลพวกนี้เราสามารถป้อนไปที่ลูกค้าได้

 

ตัวอย่างเช่น ลูกค้าธุรกิจขนส่งบางรายจะมีเคอร์ฟิวการขับรถในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยง เช่น ตี 2-5 ก็คือห้ามขับรถเลย แต่หลังจากติด Guardian ไป จากข้อมูลจะเห็นว่ามีการตรวจจับการหลับในและแจ้งเตือนเกิดขึ้นหลังช่วงเวลาตี 5 เยอะมาก เราก็มาย้อนดูว่าเพราะอะไร ปรากฏว่าการมีเคอร์ฟิวตรงนั้นทำให้คนขับรถช่วงเช้าง่วง เพราะช่วงเวลาตี 2-5 ที่เขาควรจะนอนเขาก็ยังนอนไม่หลับ หรือกำลังจะหลับก็ต้องตื่นไปขับรถในช่วง 6 โมงแล้ว ข้อมูลตรงนี้ทำให้ลูกค้ายกเลิกเคอร์ฟิวช่วงนั้นไปเลย ก็เป็นการใช้ข้อมูลที่เรามีมาปรับเปลี่ยนแผนการทำงานในการวิ่งรถขนส่งต่างๆ ซึ่งแต่ละบริษัทก็สามารถทราบข้อมูลของบริษัทตัวเองได้

 

การมีเทคโนโลยีป้องกันการละสายตาเช่นนี้เข้ามาจะปรับเปลี่ยนอะไร

ผมมองว่าความเสี่ยงในเรื่องการหลับในมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการขับรถระยะไกลหรือขับรถระยะใกล้ บางคนบอกว่าก็นอนหลับพักผ่อนเพียงพอแล้ว แต่บางทีอาจจะเพิ่งกินข้าวเที่ยงมาอิ่มๆ มันก็ง่วงไง เราไม่มีทางรู้ตัวเลยจริงๆ ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ที่วูบหลับใน หรืออาจจะแค่ละสายตาจากถนน อย่าลืมความรู้สึกตอนนั้นที่เราวูบไปแล้วตื่นมา คิดว่าดีนะที่ไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร แต่ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ มันก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ไม่ใช่แค่สามารถช่วยชีวิตคนขับรถเอง แต่ลองคิดดูว่าช่วงไม่กี่วินาทีที่คุณวูบหลับ คุณอาจจะกลายเป็นฆาตกรโดยไม่รู้ตัวก็ได้ เทคโนโลยี Guardian จะช่วยเตือนคุณ ผมจึงอยากจะแนะนำให้ลองใช้ดู เพราะความเสี่ยงนี้มันก็เกิดขึ้นได้กับทุกคนจริงๆ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising